Expectation of Digital Transformation Part 2
2. ข้อเสนอไม่คงที่ (Dynamic value proposition)
จากที่กล่าวในตอนที่แล้ว การปรับเปลี่ยนดิจิทัลเป็นการใช้ความสามารถของเทคโนโลยีดิจิทัลสร้าง Value proposition เสนอให้ลูกค้านำไปสร้างคุณค่าแบบ Value-in-experience ซึ่งหมายถึงลูกค้าจะได้รับรู้คุณค่าจากประสบการณ์ตลอดทุกขั้นตอนของการใช้บริการตามเส้นทาง Customer journey โดยในระยะแรกนี้จะเป็นข้อเสนอที่มีลักษณะคงที่ (Static value proposition) เป็นข้อเสนอที่สร้างขึ้นจากผู้ให้บริการโดยลำพัง และเมื่อลูกค้าเห็นว่าน่าสนใจก็จะรับข้อเสนอไปสร้างคุณค่า เป็นคุณค่าที่เน้นตอบโจทย์ความต้องการด้านกายภาพ (Physiological needs) เป็นส่วนใหญ่ กล่าวคือเป็น Functional needs ที่ประกอบด้วยสินค้าในกลุ่มปัจจัย 4 ของมนุษย์ คืออาหาร ที่อยู่ เสื้อผ้า และยารักษาโรค ทั้งนี้รวมทั้งความต้องการที่เกี่ยวข้อง อาทิ การประหยัดเวลา มีค่าใช้จ่ายน้อย มีความสะดวกสบาย หายกังวลใจ สินค้ามีคุณภาพ ผู้ให้บริการอาจจัดบริการที่ให้ประสบการณ์ทางอารมณ์ (Emotional experience) เสริมบ้างบางครั้งบางครา อาทิ บริการที่มีสีสันงดงาม เกิดความสนุกสนาน บริการอย่างเป็นมิตรและอบอุ่น ให้การเอาใจใส่ สะดวกสบายในการรับบริการ ทั้งหมดเป็นบริการที่ผู้ให้บริการคิดทำขึ้นเอง ไม่ได้เรียกร้องโดยตรงจากลูกค้า เป้าหมายของการปรับเปลี่ยนทางดิจิทัลระยะแรกเป็นเรื่องความพยายามของธุรกิจที่จะสร้าง Static value proposition ที่สนับสนุนให้ลูกค้าตอบโจทย์ความต้องการตามบริบทและตามความต้องการเฉพาะตัวบุคคล (Personal) ให้ได้มากที่สุดโดยจะเรียนรู้ความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้ารายบุคคลด้วยตนเองจากการสังเกต จากข้อมูล และจากการวิจัยการตลาด อาจเรียกได้ว่าเป็นกลยุทธ์แบบ Customer-centric ขั้นพื้นฐานได้ (ทบทวน Value proposition maturity model ในตอนที่แล้ว)
ความต้องการของมนุษย์ไม่ได้หยุดเพียงแค่นี้ ความต้องการของมนุษย์ไม่ได้มีเพียงแค่ความต้องการด้านกายภาพ (Physiological needs) แต่ยังมีความต้องการทางจิต (Mental needs) ตามแนวคิดลําดับขั้นความต้องการ (hierarchy of needs) ของอับราฮัม มาสโลว์[1] ความต้องการทางจิตรวมตั้งแต่ความต้องการทางอารมณ์ (Emotional needs) ไปจนถึงความต้องการด้านความรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงทางชีวิตของตัวบุคคล (Life changing) ซึ่งอาจหมายถึงความสำเร็จในชีวิต มีความภูมิใจในตัวของตัวเอง แต่ความต้องการในส่วนนี้ไม่สามารถถูกกำหนดขึ้นจากผู้ให้บริการ ลูกค้าต้องกำหนดขึ้นเอง และเป็นความต้องการที่มีกระบวนการพัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไปและต่อเนื่อง คือเป็นความต้องการที่ไม่อยู่นิ่ง มีการพัฒนาไปเรื่อย ๆ (Self-development) เมื่อเป็นเช่นนี้ Value proposition ที่ผู้ให้บริการจะทำเสนอสนับสนุนการสร้างคุณค่าในกระบวนการสร้างคุณค่าของลูกค้าลักษณะใหม่นี้จึงต้องรับความร่วมมือจากลูกค้า ผู้รับบริการต้องมีส่วนร่วมในการสร้าง Value proposition และด้วยเหตุที่ Mental needs ของลูกค้ามีกระบวนการพัฒนาอย่างต่อเนื่องไม่อยู่นิ่ง ข้อเสนอที่ร่วมกันสร้างจึงไม่อยู่นิ่งเช่นกัน ข้อเสนอจึงมีลักษณะเป็น Dynamic value proposition เป้าหมายของการปรับเปลี่ยนทางดิจิทัลจึงมากกว่าการเพียงสร้าง Value proposition เพื่อให้บริการตอบโจทย์ในเรื่องส่วนตัว (Personalization) แต่เป็นการบริการเพื่อการพัฒนาตัวบุคคล (Individualization) ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องสนับสนุนในด้าน Self-development หรือ Self-transformational เป้าหมายหลักคือ สนับสนุนลูกค้าในการพัฒนาตนเอง เกิดความรู้สึกภาคภูมิใจในความสำเร็จของชีวิต หรือได้รับความสมบูรณ์ในชีวิต (Self actualization) และด้วยความสามารถของเทคโนโลยีดิจิทัล การพัฒนาตนเอง (Individualization) สำหรับคนที่มีความมุ่งมั่นเพื่อให้ถึงระดับที่มีความสมบูรณ์ในชีวิต โดยเฉพาะในด้านจิตใจอาจจะทำได้จนถึงระดับ Transcendence ซึ่งในบริบทนี้ อาจหมายถึงการพัฒนาจิตให้สูงกว่าระดับที่เหนือความเข้าใจของคนธรรมดา มีประสบการณ์ที่ปรับเปลี่ยนตนเอง (Self transformational) ให้ได้ผลทางจิตใจที่เหนือกว่าที่คนธรรมดาจะทำได้
การพัฒนาตนเอง (Individualization) นั้นลูกค้าจะได้รับผลไม่เพียงแค่ตอบโจทย์ความต้องการทางกายภาพ แต่จะมุ่งได้คุณค่าและประสบการณ์ที่เกี่ยวกับจิตใจเป็นหลัก (Mental needs) เรียกว่าคุณค่าด้าน Value-in-self หรือ Value-in-being ที่เกิดจากข้อเสนอซึ่งเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ (Dynamic) เพื่อตอบโจทย์เป้าประสงค์เฉพาะตัว (Individual’s purpose) ธุรกิจที่ตั้งใจจะปรับเปลี่ยนทางดิจิทัลสนับสนุนลูกค้าด้วยข้อเสนอแบบ Individualization ตามลักษณะที่กล่าว ต้องพร้อมปรับเปลี่ยนธุรกิจของตนเอง 4 ด้าน หรือ 4 มิติ แทนที่จะทำเพียงสามด้าน โดยเพิ่มมิติที่ 4 ในเรื่องเกี่ยวกับข้อมูล (Data dimension) เป็นข้อมูลที่บ่งบอกถึงอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ด้วยเทคนิคการวิเคราะห์เหตุการณ์ย้อนหลัง (Historical analysis) และคาดคะเนเหตุการณ์ล่วงหน้า (Prediction) เมื่อเป็นเช่นนี้ มิติข้อมูลจะมีลักษณะเหมือนมิติเวลา ที่ผู้ให้บริการและลูกค้าใช้พิจารณาความต้องการย้อนหลัง มองดูเหตุการณ์ในปัจจุบัน และคาดคะเนไปข้างหน้า เพื่อจะได้ใช้วางแผนและตัดสินใจอนาคตของลูกค้าได้อย่างแม่นยำและตรงประเด็น นำไปสู่การร่วมสร้าง Value proposition และร่วมสร้างคุณค่าอย่างต่อเนื่องกัน จนกว่าจะบรรลุเป้าประสงค์สูงสุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน การเฝ้าติดตามดูพัฒนาการของ Value proposition และการสร้างคุณค่าตามแนวคิดที่แสดงด้วยลูกบาศก์สามมิติ จากมิติที่ 4 คือมิติข้อมูล (เวลา) จะช่วยให้เข้าใจเหตุและผล (Cause and effect) ที่ปรากฏในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ ที่ลูกค้าจะนำไปปรับปรุงตัวเอง ในขณะที่ผู้ให้บริการนำไปปรับปรุงข้อเสนอ Value proposition เพื่อสนับสนุนลูกค้าอย่างสอดคล้องกัน จึงเรียกข้อเสนอนี้ว่า Dynamic value proposition ธุรกิจที่ต้องการปรับเปลี่ยนดิจิทัลเพื่อมุ่งสร้างข้อเสนอระดับ Individualization ตามที่กล่าวจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ 5 ด้านดังนี้
1) ด้านนวัตกรรมบริการ ต้องเป็นบริการที่จูงใจให้ลูกค้ามีส่วนร่วมแบบลึกซึ้งมาก (Immersive engagement) (จะอธิบายในโอกาศต่อไป)
2) ด้านการสร้างข้อเสนอ ต้องเป็นข้อเสนอไม่คงที่ (Dynamic value proposition) เพราะจะทำให้ลูกค้าเกิดการพัฒนาตนเอง (Self-development) อย่างต่อเนื่อง เกิดเป็นระบบคุณค่า (Value system) (จะอธิบายในโอกาสต่อไป) ที่จะช่วยแนะนำแนวทางพัฒนาข้อเสนอที่ตอบโจทย์ความต้องการด้านจิตใจได้อย่างต่อเนื่อง จนนำไปสู่ผลในลักษณะ Self-transformational ได้
3) ด้านการสร้างประสบการณ์ ต้องให้สอดคล้องกับระบบคุณค่าของลูกค้าที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยประสบการณ์นี้ให้เน้นประสบการณ์ด้านทางจิตใจ (Mental experience) มากขึ้นจนถึงขั้นที่เป็น Transformational experience ตามที่กล่าวในข้อที่ 2)
4) ด้านการจัดหาทรัพยากรที่จำเป็นเพื่อสนับสนุน Dynamic value proposition ต้องสามารถเข้าถึงแหล่งทรัพยากรที่ไม่จำกัด ภายใต้หลักการของ Density principle (จะอธิบายในโอกาสต่อไป) เพื่อไม่ให้ข้อจำกัดในด้านทรัพยากรของผู้ให้บริการกลายเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาข้อเสนอที่จะต้องพัฒนาให้ทันกับความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
5) ด้านพัฒนาระบบปฏิบัติงาน (Operating model) จะต้องสามารถบริการลูกค้าในลักษณะยืดหยุ่น (Resilient) ที่ปรับเปลี่ยนรับสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว โดยอาศัยเทคโนโลยีดิจิทัลทันสมัยที่ทำให้องค์กรสามารถบริการในรูปแบบ Intelligent composable processes and services ได้
จึงเห็นได้ว่า ข้อแตกต่างระหว่างการปรับเปลี่ยนดิจิทัลระยะที่ 1 กับระยะที่ 2 อยู่ที่เป้าหมายการสร้างคุณค่าให้ลูกค้า โดยระยะที่ 1 เน้นการสร้างข้อเสนอที่จะบริการได้ถึงระดับ Personalized ที่อาศัยกรอบการปรับเปลี่ยนแบบ 3 มิติ ลูกค้าจะได้คุณค่าตามบริบท (Value-in-context) ตลอดช่วงเส้นทางเดินของลูกค้า (Customer journey) ซึ่งก็คือคุณค่าแบบ Value-in-experience นั่นเอง ในขณะที่ระยะที่ 2 เป็นระดับ Individualizes มีกรอบการปรับเปลี่ยนแบบ 4 มิติ โดยลูกค้าจะได้คุณค่า Value-in-self หรือ Value-in-life
Personalization กับ Individualization มีความคล้ายคลึงกันมาก และในหลาย ๆ โอกาสอาจพบใช้ในความหมายเดียวกัน แต่สำหรับการปรับเปลี่ยนทางดิจิทัล ความหมายของทั้งสองคำมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญดังนี้
1) ข้อเสนอระดับ Personalization ถือเป็นข้อเสนอที่เน้นบริการความต้องการส่วนตัวของลูกค้าหรือกลุ่มลูกค้า เป็นข้อเสนอคงที่ ถูกสร้างขึ้นจากผู้ให้บริการและจากมุมมองของผู้ให้บริการฝ่ายเดียว ลูกค้าจะได้รับคุณค่าแบบ Value-in-context หรือ Value-in-experience
ตัวอย่าง คนไข้ไปโรงพยาบาล ได้รับบริการดูแลแบบส่วนตัวมากในทุกขั้นตอน นอกจากมีห้องคนไข้ส่วนตัว ยังมีนางพยาบาลเฝ้าดูแลเป็นส่วนตัวด้วย
2) ข้อเสนอระดับ Individualization เป็นข้อเสนอที่มุ่งพัฒนาตน ของคนคนหนึ่ง เป็นข้อเสนอแบบไม่คงที่ ถูกสร้างขึ้นจากความร่วมมือกันระหว่างผู้ให้บริการและลูกค้าตามที่แสดงในรูปที่ 2 ลูกค้าจะได้รับคุณค่าที่เน้นด้าน Mental value หรือ Emotional value ด้วยข้อเสนอที่เปลี่ยนแปลงตามพัฒนาการของตัวลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ลูกค้าจะได้รับคุณค่าแบบ Value-in-self หรือ Value-in-life
รูปที่ 2 แสดงรูปของ Dynamic value proposition
ตัวอย่าง คนไข้นอกจากได้รับการดูแลเป็นพิเศษแบบส่วนตัวจากโรงพยาบาล คนไข้ยังได้รับข้อเสนอจากคุณหมอให้ดูแลสุขภาพโดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน คนไข้นอกจากจะรับข้อเสนอของคุณหมอแล้ว ยังตัดสินใจจะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อช่วยควบคุมน้ำหนักอีกทางหนึ่ง จึงได้ปรึกษาคุณหมอ ขอคำแนะนำโปรแกรมออกกำลังกายแบบถูกวิธี หลายเดือนต่อมา คนไข้มีความคิดที่จะฝึกสมาธิ จึงขอคำแนะนำมาตรการที่เหมาะสมกับสภาพของร่างกายของตนเอง คนไข้ได้ทำ Self-improvement อย่างสม่ำเสมอ เกิดความภาคภูมิใจในผลสัมฤทธิ์ ทำให้มีความมั่นใจในตัวเอง และมีความสุขที่ได้ประสบความสำเร็จตามความปรารถนาที่ตั้งไว้ ตัวอย่างนี้แสดงถึงความร่วมมือระหว่างคนไข้กับนายแพทย์จัดทำข้อเสนอเพื่อการส่งเสริมสุขภาพของคนไข้อย่างต่อเนื่อง นอกจากคนไข้จะได้คุณค่าทางกายภาพ คือร่างกายแข่งแรงขึ้น ยังได้คุณค่าด้านจิตใจ คือภูมิใจและสบายใจที่ตนเองสามารถพัฒนาสุขภาพได้สำเร็จตามความมุ่งหมาย
Dynamic value proposition เป็นผลของการปรับเปลี่ยนทางดิจิทัลที่ใช้กลยุทธ์ Customer-centric แบบก้าวหน้า โดยมีเป้าหมายที่เป็นข้อเสนอแบบ Individualized ตามที่แสดงในตารางที่ 2: Value Proposition Transformation Maturity Model ต่อไปนี้
ตารางที่ 2: VP Transformation Maturity Model
ตารางข้างต้น เป็นพัฒนาการของ Value proposition ผ่านการปรับเปลี่ยนทางดิจิทัล จาก Product-centric ไปสู่เป้าหมายหลัก Customer-centric ระดับ Individualized offering ที่สนับสนุนลูกค้าพัฒนาตนเองให้บรรลุเป้าหมายแห่งชีวิต สู่จุดหมายให้ไกลที่สุดเท่าที่ต้องการจะไปให้ถึง ด้วยอิทธิพลของข้อมูลและความสามารถของ AI ผู้ให้บริการสามารถนำผลจาก Cause and effect ที่เกิดในอดีต มาประกอบกับความคาดหวังความต้องการในอนาคต รวมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามบริบทของลูกค้าในแต่ละช่วงของเวลา มาเป็นปัจจัยสำคัญของการพัฒนาข้อเสนอร่วมกับลูกค้า เพื่อให้ได้ข้อเสนอที่นอกจากจะตอบโจทย์ความต้องการจริงของลูกค้าในช่วงเวลาหนึ่งได้อย่างแม่นยำ ยังสามารถช่วยชี้นำอีกทั้งโน้มน้าวและชักจูงลูกค้าให้เลือกแนวทางพัฒนาที่เหมาะสมที่สุดได้ ความแตกต่างระหว่าง Fixed value proposition และ Dynamic value proposition จึงอยู่ที่ระดับความมีส่วนร่วมของลูกค้า (Customer engagement) โดยในกรณีหลังนี้ ลูกค้าไม่เพียงมีส่วนร่วมในการสร้างคุณค่า (Value co-creation) แต่ยังมีส่วนร่วมในการร่วมพัฒนาข้อเสนอ (Value proposition co-production) ด้วย เนื่องจากการพัฒนาที่ตัวบุคคล (Individualization) จำเป็นที่ลูกค้าต้องกำหนดชะตาชีวิตของตนเอง คือกำหนดเจตจำนงและมาตรการที่จะพัฒนาตนเองให้บรรลุเจตจำนงที่ได้ตั้งมั่นไว้ด้วยการสนับสนุนจากผู้ให้บริการในรูปของ Dynamic value proposition หรือข้อเสนอไม่คงที่
บทความตอนต่อ ๆ ไป จะนำเสนอความหมายและรายละเอียดของ Concept และ Elements สำคัญของ Digital transformation
ขอบพระคุณมากๆค่ะสำหรับความรู้ที่อาจารย์นำมาเผยแพร่ค่ะ
ReplyDeleteInvestment is one of the best ways to achieve financial freedom. For a beginner there are so many challenges you face. It's hard to know how to get started. Trading on the Cryptocurrency market has really been a life changer for me. I almost gave up on crypto at some point not until saw a recommendation on Elon musk successfully success story and I got a proficient trader/broker Mr Bernie Doran , he gave me all the information required to succeed in trading. I made more profit than I could ever imagine. I'm not here to converse much but to share my testimony; I have made total profit returns of $20,500 from an investment of just $2000 within 1 week. Thanks to Mr Bernie I'm really grateful,I have been able to make a great returns trading with his signals and strategies .I urge anyone interested in INVESTMENT to take bold step in investing in the Cryptocurrency Market, he can also help you recover your lost funds, you can reach him on WhatsApp : +1(424) 285-0682 or his Gmail : BERNIEDORANSIGNALS@GMAIL.COM tell him I referred you
ReplyDeleteCustomer-centric ระดับ Individualized offering ที่สนับสนุนลูกค้าพัฒนาตนเองให้บรรลุเป้าหมายแห่งชีวิต สู่จุดหมายให้ไกลที่สุดเท่าที่ต้องการจะไปให้ถึง ด้วยอิทธิพลของข้อมูลและความสามารถของ AI ผู้ให้บริการสามารถนำผลจาก Cause and effect ที่เกิดในอดีต มาประกอบกับความคาดหวังความต้องการในอนาคต รวมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามบริบทของลูกค้าในแต่ละช่วงของเวลา มาเป็นปัจจัยสำคัญของการพัฒนาข้อเสนอร่วมกับลูกค้า เพื่อให้ได้ข้อเสนอที่นอกจากจะตอบโจทย์ความต้องการจริงของลูกค้าในช่วงเวล