การปรับเปลี่ยนธุรกิจ (Business Transformation) ถือว่าเป็นการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ด้วยเหตุผลทางบริหาร สาเหตุมาจากปัจจัยภายนอกที่คาดว่าจะกระทบธุรกิจค่อนข้างรุนแรง ส่วนหนึ่งมาจากพัฒนาการของเทคโนโลยีดิจิทัลที่เชื่อว่าจะมีอิทธิพลต่อทั้งแนวคิดและแนวทางดำเนินธุรกิจอย่างมาก ความเชื่อเดิมที่ว่า “ปลาใหญ่กินปลาเล็ก” จะไม่เป็นจริงอีกต่อไป ปลาเล็กที่สามารถรวมตัวเป็นกลุ่มสามารถสร้างพลังแข่งขันกับปลาใหญ่และอาจถึงขั้นฆ่าปลาใหญ่ได้ ปลาใหญ่ที่ยังยึดติดแนวทางการทำธุรกิจแบบเดิม คือ Production-Centric หรือเอาสินค้าเป็นศูนย์กลางนั้น มีความไปได้สูงที่จะถูกฆ่าด้วยฝูงปลาเล็กที่พัฒนาธุรกิจด้วยแนวคิดใหม่แบบ Customer-Centric หรือเอาลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
ธุรกิจที่มีศูนย์กลางอยู่ที่ตัวสินค้าหมายถึงธุรกิจที่เน้นการผลิตสินค้าให้ได้คุณภาพดีในราคาถูก
และมุ่งมั่นที่จะขายสินค้าที่ผลิตให้มากที่สุดโดยไม่คำนึงถึงประโยชน์หรือคุณค่าที่ลูกค้าพึงได้รับ
ในขณะที่ธุรกิจที่มีศูนย์กลางอยู่ที่ลูกค้า
หมายถึงธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับประโยชน์และคุณค่าที่ลูกค้าพึงได้รับจากสินค้าและบริการที่ซื้อไป
ธุรกิจอย่างหลังนี้ต้องเรียนรู้จนรู้ความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง และมุ่งมั่นที่จะบริการให้ลูกค้าได้รับคุณค่าที่หลากหลายและตอบโจทย์ความต้องการได้
ธุรกิจที่อิงอนาคตอยู่กับตัวสินค้านั้น แน่นอน จะคงอยู่ต่อไปได้ก็ด้วยตัวสินค้าเอง
เมื่อสินค้าตกยุคไปหรือหมดความนิยม ธุรกิจก็มักจะสิ้นอายุขัยตามไปด้วย
โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางขนาดย่อม
เพราะยากที่ธุรกิจจะสามารถสรรหาสินค้าหรือออกแบบสินค้าใหม่ ๆ รวมทั้งลงทุนเพื่อสร้างสายการผลิตสินค้ารุ่นใหม่ได้บ่อยครั้งเพื่อทดแทน
ยิ่งเมื่อวงจรชีวิตของสินค้าในยุคปัจจุบันมีแนวโน้มสั้นลง
ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงแก่ธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี ในทางตรงกันข้าม ธุรกิจที่มีศูนย์กลางอยู่ที่ตัวลูกค้าจะเป็นธุรกิจที่มีความยั่งยืนกว่า
เนื่องจากธุรกิจถูกสร้างขึ้นจากทักษะและประสบการณ์การให้บริการเป็นหลัก
ธุรกิจรู้ปัญหาและความต้องการของลูกค้า
และเมื่อสามารถตอบสนองความต้องการและแก้ปัญหาลูกค้าได้ ก็จะเกิดความเชื่อมั่นและความใกล้ชิด
ยากที่คู่แข่งจะเข้ามาแย่งชิงได้ และทั้งหมดนี้เกิดจากความสามารถในการสร้างนวัตกรรมบริการที่ทำได้ตลอดเวลาและทำได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำมาก
เทคโนโลยีดิจิทัลมีส่วนช่วยสร้างบริการที่หลากหลายที่เป็นประโยชน์
อีกทั้งยังช่วยให้เข้าถึงทรัพยากรจำนวนมากที่จำเป็นต่อการสร้างคุณค่าจากบริการ
ธุรกิจที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางจึงเป็นเป้าหมายหลักของการปฏิรูปธุรกิจในยุคดิจิทัล
1.
Business
Capability และ Digital Capability
การปรับเปลี่ยนธุรกิจที่มุ่งเป้าไปที่ Customer-centric นั้นจำเป็นต้องทำเป็นขั้นเป็นตอนขึ้นอยู่ที่ความพร้อมในหลาย
ๆ ด้าน และขึ้นอยู่กับแนวทางใหม่ของยุทธศาสตร์ที่กำหนดรูปแบบการดำเนินงาน (Operating
Model) รูปแบบดำเนินการเป็นตัวกำหนดขีดความสามารถทางธุรกิจ (Business
Capabilities) และขีดความสามารถในด้านเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital
Capabilities) ที่ใช้สนับสนุนการดำเนินการแต่ละขั้นตอน
ขีดความสามารถทางธุรกิจ (Business Capability) ในที่นี้ หมายถึงสิ่งที่ธุรกิจต้องมีหรือต้องทำ
หรือความสามารถ (Ability) ที่ต้องมีเพื่อสนับสนุนวัตถุประสงค์ของธุรกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง
ตัวอย่างเช่น การสร้างลูกค้าสัมพันธ์ การร่วมสร้างคุณค่า (Value
co-creation) กับพันธมิตร การสร้างบริการดิจิทัลเพื่อทำให้เกิด Customer
Experience ที่ดี เหล่านี้ถือเป็นความสามารถทางธุรกิจ (Business
Capability) ที่ต้องมีเพื่อสนับสนุนธุรกิจแบบยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
เป็นการกำหนดว่าธุรกิจต้องทำอะไร (What) เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายและยุทธศาสตร์
ยังไม่เกี่ยวกับเรื่องว่าจะทำอย่างไร (How)
การทำอย่างไรเป็นเรื่องของกระบวนการทางธุรกิจ (Business Processes) ที่จะตามมาทีหลัง การปฏิรูปธุรกิจจึงเป็นเรื่องกำหนดยุทธศาสตร์ (Strategy) รูปแบบธุรกิจ (Business Model) รูปแบบดำเนินการ(Operating
Model) และขีดความสามารถในด้านธุรกิจหลัก (Key Business
Capabilities) ที่จะสนับสนุนการดำเนินการตามรูปแบบของธุรกิจใหม่ เช่น
ถ้าธุรกิจเปลี่ยนกลยุทธ์ให้บูรณาการงานตลอดห่วงโซ่คุณค่าเพื่อความประหยัดและสามารถบริการลูกค้าให้ประทับใจมากขึ้น
จำเป็นต้องสร้างขีดความสามารถทางธุรกิจเรื่องจัดการข้อมูล การปรับเปลี่ยนวิธีจัดการคลังสินค้าด้วยระบบอัตโนมัติ
และสร้างความสามารถเชื่อมโยงกับระบบโลจิสติกส์ รายการเหล่านี้คือ Key
Business Capabilities ที่ธุรกิจต้องสร้างขึ้นใหม่เพื่อตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ที่ปรับเปลี่ยนไป
ขีดความสามารถในด้านเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Capability) เป็นเรื่องที่กำหนดว่าภายใต้ยุทธศาสตร์ใหม่
ธุรกิจต้องสร้างขีดความสามารถด้านคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ และดิจิทัลอะไรบ้าง
ธุรกิจต้องจัดเตรียมระบบเทคโนโลยีอะไร (What)
จุดความสามารถด้านธุรกิจส่วนไหนต้องได้รับการสนับสนุนด้วยระบบสารสนเทศชนิดใด
ส่วนใดต้องใช้ Internet of Things (IoT) มาสนับสนุนหรือไม่อย่างไร
แต่ทั้งนี้ ยังไม่ถึงขั้นต้องกำหนดว่าแต่ละระบบต้องทำงานอย่างไร (How) ขีดความสามารถด้านดิจิทัลถูกกำหนดขึ้นเพื่อสนับสนุนกลุ่ม Business
Capabilities ของยุทธศาสตร์ใหม่ เช่น มีระบบที่สามารถจัดการการสั่งซื้อวัสดุด้วยคอมพิวเตอร์
มีระบบเครือข่ายสังคม (Social Network) เพื่อปฏิสัมพันธ์กับพันธมิตรและลูกค้า
มีระบบ IoT ประกอบด้วย Sensors และระบบควบคุมเพื่อเชื่อมโยงเครื่องจักรเข้ากับอินเทอร์เน็ตทำหน้าที่สื่อสารข้อมูลกับระบบงานอื่น
ฯลฯ Business Capabilities และ Digital Capability ทำงานกับข้อมูล
จึงต้องกำหนดชนิดและรูปแบบข้อมูลที่เกี่ยวข้องด้วย
ข้อมูลเหล่านี้จะกลายเป็นทรัพยากรสำคัญที่สนับสนุนการปฏิรูปธุรกิจด้วย รูปที่ 1
แสดงส่วนประกอบสำคัญของระบบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปธุรกิจทั้งส่วนที่เป็น
“What” และ “How”
What
|
How
|
Business Capabilities
|
Business Processes
Design
|
Digital Capabilities
|
Information Systems
& ICT Infrastructure
|
Data
|
Database Design
|
รูปที่ 1 ส่วนประกอบของสถาปัตยกรรมของระบบธุรกิจ
การกำหนดยุทธศาสตร์นั้นจะระบุส่วนที่เป็น “What” ความท้าทายของการปฏิรูปธุรกิจอยู่ที่การจัดหาส่วนที่เป็น
“How” ส่วน “What” เป็นด้านแนวคิด แต่ “How”
เป็นส่วนที่จะทำให้ความฝันกลายเป็นความจริง (Make it happen) การปรับเปลี่ยนธุรกิจของกลุ่มเอสเอ็มอีจะฝันอย่างไรก็ได้
แต่ถ้าเทคโนโลยีดิจิทัลที่จะนำมาสนับสนุนนั้นมีลักษณะที่ทำให้ต้องลงทุนมาก ใช้ยาก
และต้องใช้เวลาเรียนรู้นาน ถึงแนวคิดจะดีอย่างไรก็ปฏิรูปไม่สำเร็จ
ระบบสารสนเทศและซอฟต์แวร์ Solution ที่จะนำมาสนับสนุนเอสเอ็มอีต้องถูกออกแบบให้ใช้ง่าย
ตรงประเด็น ต้องเรียนเท่าที่จำเป็น สามารถทำงานผ่านอุปกรณ์พกพาเช่นเครื่องโทรศัพท์มือถือ
หรือแท็บเล็ตได้ ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเรื่องลงทุนและติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ใดๆ
เพราะเป็นระบบงานที่ออกแบบทำงานบน Cloud
ระบบซอฟต์แวร์ที่ใช้ทำงานตลอดห่วงโซ่คุณค่าถูกออกแบบให้มีลักษณะเป็น
Microservice โดยกลุ่ม Microservices จะทำงานในสภาพแวดล้อม
(Environment) ที่เป็น Platform แทนที่จะเป็นระบบซอฟต์แวร์ที่ถูกสร้างและติดตั้งให้ทำงานเฉพาะราย
(Individual and standalone system)
เมื่อถึงคราที่ต้องทำงานร่วมกับพันธมิตรหรือลูกค้าก็สามารถ Plug and Play และทำงานข้าม Platform ได้อย่างอิสระในรูปแบบระบบนิเวศทางธุรกิจหรือ
Business Ecosystem
Microservice คือซอฟต์แวร์ชุดเล็ก ๆ ที่ถูกออกแบบให้ทำงานเฉพาะด้าน
เช่นงานรับการสั่งซื้อ การจับจองสินค้า รับชำระเงิน จัดส่งสินค้า ฯลฯ Microservice
ถูกออกแบบทำหน้าที่บริการที่ทำงานเป็นอิสระ เบ็ดเสร็จในตัว
พึ่งพาระบบงานส่วนอื่น ๆ น้อยมาก (Loosely coupled) ที่สำคัญ
Microservice ต้องมีคุณสมบัติเป็น “Bounded Contexts”
ซึ่งหมายถึงซอฟต์แวร์ที่ถูกออกแบบให้รู้งานเฉพาะที่รับผิดชอบ
ไม่ต้องยุ่งกับโลกภายนอกโดยไม่จำเป็น มีคุณลักษณะเป็น Autonomous ที่บริหารจัดการง่าย แต่เมื่อนำเอา Microservices จำนวนหนึ่งมาทำงานเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจหนึ่ง ๆ ก็สามารถบรรลุผลตามเจตนาได้โดยอาศัยโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลส่วนอื่น
ๆ ของระบบ Platform หรือ Ecosystem ซึ่งถือว่าเป็นงานส่วนกลางที่ถูกออกแบบแยกออกจาก
Microservices เมื่อเป็นเช่นนี้
การใช้ซอฟต์แวร์เพื่องานทางธุรกิจจะมีลักษณะคล้ายกับที่เราใช้ Facebook หรือระบบ E-Commerce ที่ผู้ใช้เรียนวิธีใช้เฉพาะส่วนที่ตนเองสนใจ
และทำงานตามขั้นตอน ซึ่งเข้าใจได้ง่ายเพื่อบรรลุผลที่ต้องการเท่านั้น งานส่วนอื่น
ๆ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ Platform (รายละเอียดจะนำเสนอในบทความชุดอื่นต่อไป)
2.
Digital Business
Transformation Framework
การวางแผนเพื่อปรับเปลี่ยนธุรกิจถือเป็นการทำยุทธศาสตร์ใหม่
ด้วยเป้าหมายของธุรกิจใหม่ ตามที่ได้กล่าวในตอนที่แล้วเรื่อง “การปฏิรูปธุรกิจ” ว่าการวางแผนปรับเปลี่ยนธุรกิจสามารถพิจารณาจากสามด้านหรือสามมิติ
คือปรับเปลี่ยนในเรื่องเกี่ยวกับกระบวนการทำงาน
จากที่เคยเป็นธุรกิจแบบปิด (Close) คือทำธุรกรรมทุก ๆ
เรื่องด้วยความสามารถของตัวธุรกิจเอง ค่อย ๆ ปรับการทำงานร่วมมือกับพันธมิตรและลูกค้ามากขึ้น
ธุรกิจจะกลายเป็น Open Business คือมีกิจกรรมที่ร่วมมือกับบุคคลผ่านนอกในลักษณะเป็นเครือข่าย (แกน X ในรูปที่ 2)
รูปที่ 2 The
3-Dimensions of Business Transformation
ธุรกิจอาจพิจารณาปรับเปลี่ยนเรื่องเกี่ยวกับสินค้า นอกจากสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่
ๆ หรือปรับปรุงสินค้าให้ดีขึ้นกว่าเดิม ยังอาจให้ความสำคัญกับการให้บริการมากขึ้น
แทนที่จะมุ่งเน้นผลิตและจำหน่ายสินค้าเพียงอย่างเดียว ธุรกิจเริ่มสร้างสมรรถนะในการคิดค้นวิธีทำให้สินค้าที่จำหน่ายมีคุณค่าแก่ลูกค้า
ตัวอย่างเช่น แทนที่ธุรกิจจะมุ่งผลิตรถเข็นถาดอาหารที่ใช้บริการอาหารให้คนไข้ในโรงพยาบาล
ธุรกิจหาวิธีติดตั้งเตาอุ่นอาหารอยู่ใต้ชั้นวางถาดเพื่ออุ่นอาหารตามเวลาที่กำหนดได้
เป็นการเสริมบริการให้คนไข้ได้รับประทานอาหารที่ยังอุ่นอยู่ การบริการอาจมีรูปแบบเป็นซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ลักษณะเดียวกับ
Uber ที่สร้างบริการเสริมให้ผู้โดยสารใช้บริการผ่านเครื่องโทรศัพท์มือถือ
ทำให้การใช้บริการรถแท็กซี่มีคุณค่ามากขึ้น (แกน Y ในรูปที่ 2)
การปรับเปลี่ยนด้านที่สามนั้น ธุรกิจเลือกที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจเน้นการสร้างคุณค่าและประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าด้วยเทคโนโลยี
คือนอกจากจะปรับเปลี่ยนธุรกิจด้วยวิธีบริการให้ลูกค้าได้คุณค่าและประโยชน์จากสินค้าและบริการที่ได้ซื้อไปแล้ว
ยังสร้างมาตรการด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการสร้างคุณค่าให้มากขึ้น
(Value Co-creation)
ทำให้ลูกค้าได้ประสบการณ์ที่ดีอย่างไม่มีที่สิ้นสุด (แกน Z ในรูปที่ 2)
กรอบการปฏิรูปธุรกิจหรือ Transformation
Framework เป็นเครื่องมือช่วยกำหนดทิศทางในการปรับเปลี่ยนธุรกิจตามสถานะภาพและความพร้อมของธุรกิจ
ภายในสามแกนหลักของ 3-Dimensions of Business Transformation ตามที่แสดงในรูปที่ 2 ธุรกิจที่ยังไม่ได้ใช้ไอซีทีเลยหรือยังใช้น้อยมาก ควรเริ่มจากพื้นฐานที่ปรับใช้คอมพิวเตอร์ช่วยทำงานในกลุ่มกระบวนการหลัก
(Core business processes) ก่อน เพื่อให้เจ้าหน้าที่คุ้นเคยกับการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์และข้อมูล
เมื่อชำนาญแล้ว จึงค่อยขยายกรอบการใช้ไอซีทีบูรณาการการทำงานทั้งในระดับภายในและภายนอกองค์กร จากนั้นจึงพัฒนาศักยภาพด้านนวัตกรรมการบริการดิจิทัล
นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงด้วยรูปแบบธุรกิจที่เน้นการสร้างคุณค่าด้วยวิธีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าและพันธมิตรผ่านกระบวนการทางดิจิทัลให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง
กรอบการปฏิรูปธุรกิจแบ่งออกได้เป็น 4 ระดับ ประกอบด้วย
1)
บูรณาการระบบห่วงโซ่คุณค่าในแนวตั้ง
เป็นกรอบที่จะช่วยปรับปรุงกระบวนการทำงานในห่วงโซ่คุณค่า โดยใช้คอมพิวเตอร์และไอซีที
Automate กลุ่ม Core processes แล้วใช้เทคโนโลยีดิจิทัลบูรณาการการทำงานภายในองค์กร
เป็นการใช้เทคโนโลยีเพื่อ Optimize internal processes and resources
2)
บูรณาการระบบห่วงโซ่คุณค่าในแนวราบ
เป็นกรอบที่จะช่วยปรับปรุงกระบวนการทำงานกับลูกค้า พันธมิตร และบุคคลภายนอกอื่น ๆ เริ่มต้นจากการใช้ไอซีทีให้เกิดความสะดวกในการทำธุรกรรมจนถึงขั้นใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อให้เกิดการทำงานแบบบูรณาการอย่างมีประสิทธิผล
นำไปสู่การประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่าย และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจได้
3)
ปรับเปลี่ยนรูปแบบสินค้าและบริการ
เป็นกรอบที่จะช่วยปรับเปลี่ยนแนวทางการทำธุรกิจโดยเน้นที่ Value Creation เป็นจุดเริ่มต้นของการปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจจาก
Product-centric ไปสู่ Customer-centric กรอบการปรับเปลี่ยนธุรกิจในระดับนี้ยังอาศัยทักษะการสร้างนวัตกรรมจากทรัพยากรภายในองค์กรส่วนใหญ่
4)
สร้างนวัตกรรมในเชิงรูปแบบดิจิทัล
(Innovative Digital Business Models)
เป็นกรอบการปรับเปลี่ยนธุรกิจที่อาศัยสมรรถนะออกแบบวิธีการปฏิสัมพันธ์ (Interaction)
กับบุคคลภายนอกเพื่อร่วมกันสร้างคุณค่า (Co-creation) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคเฉพาะกลุ่มและเฉพาะบุคคล (Mass
customization and personalization) เป็นกรอบการพัฒนาธุรกิจแบบใหม่ที่เน้นการสร้างความสัมพันธ์
Relationship) กับบุคคลภายนอกเพื่อความยั่งยืนในการแข่งขันในทางธุรกิจ
รายละเอียดการใช้ Transformation
Framework เพื่อการปรับเปลี่ยนธุรกิจเอสเอ็มอีจะอธิบายในหัวข้อต่อไป
No comments:
Post a Comment