แนวทางการส่งเสริมธุรกิจเพื่อการแข่งขันในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล
ได้กล่าวในตอนก่อนว่า ธุรกิจทุกชนิดทุกขนาดภายใต้ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล
จะนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ทำธุรกิจครอบคลุมทุกด้านตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value chain) จากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ
โดยให้ความสำคัญกับส่วนบริการลูกค้าโดยเฉพาะ จากนี้ไป ลูกค้าจะมีโอกาสแสดงความต้องการของตนเอง
และสามารถอาศัยช่องทางดิจิทัลสรรหาสินค้าและบริการที่เชื่อว่าสามารถทำประโยชน์ให้ตนเองสูงสุด
และอาศัยช่องทางทางดิจิทัลที่มีความสะดวกมากที่สุดเพื่อทำรายการซื้อขาย จึงมีความจำเป็นที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญกับการปรับใช้ดิจิทัลให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
ซึ่งรวมถึงการทำธุรกิจแบบออนไลน์ร่วมกับพันธมิตร และเชื่อมโยงกับหน่วยงานภาครัฐด้วยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์เพื่อผ่านพิธีการทางกฎหมายต่าง
ๆ เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ธุรกิจส่วนใหญ่สามารถทำธุรกิจผ่านระบบออนไลน์ได้แล้ว
ความได้เปรียบเสียเปรียบและศักยภาพในการแข่งขันจะวัดด้วยความสามารถใช้ดิจิทัลเพื่อสร้างประโยชน์และคุณค่าให้แก่ลูกค้า
ทำให้ลูกค้ามีความประทับใจและเกิดประสบการณ์ที่ดีที่ได้ทำธุรกรรมร่วมกับเรา ธุรกิจจะประสบความสำเร็จได้ดีกว่าผู้อื่นในยุคดิจิทัลจึงจำเป็นต้องสร้างความแตกต่างด้วยนวัตกรรม
(Innovation) ถึงขั้นเกิดการปฏิรูปแนวทางการทำธุรกิจ
(Business transformation) ที่แปลกใหม่กว่าผู้อื่น บทความตอนต่อไปจะกล่าวถึงแนวคิดการสร้างนวัตกรรมและการปฏิรูปธุรกิจในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล
4.
ส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมบริการ
(Service Innovation)
เศรษฐกิจดิจิทัลหมายถึงเศรษฐกิจที่มีธุรกิจส่วนใหญ่สามารถทำธุรกรรมผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมโยงกันจากจุดเริ่มต้นไปสู่จุดปลายทางแบบ
End-to-end เครือข่ายธุรกิจที่กล่าวประกอบด้วยระบบที่สนับสนุนการทำธุรกรรมที่สำคัญอย่างน้อยดังต่อไปนี้
1) ระบบสนับสนุนการนำเข้าและส่งออกสินค้า
รัฐบาลอยู่ในระหว่างการสร้างระบบ
National Single
Window (NSW) เพื่อให้ธุรกิจสามารถยื่นคำขอและรับเอกสารกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการนำเข้าและส่งออกแบบครบวงจรได้จากหน่วยงานอย่างน้อย
35 หน่วยงานทางอิเล็กทรอนิกส์ ระบบ NSW
เมื่อพัฒนาเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้วจะสามารถเชื่อมโยงกับรัฐบาลของประเทศคู่ค้าได้ทั่วโลกด้วย
เพื่อแลกเปลี่ยนเอกสารที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการนำเข้าและส่งออกระหว่างประเทศผ่านสื่อออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว
สะดวก และลดขั้นตอน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกรรมในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล
จึงเห็นได้ว่า ระบบ NSW เป็นตัวเชื่อมโยงที่สำคัญระหว่างรัฐกับรัฐ
และธุรกิจกับรัฐบาลที่ธุรกิจทุกขนาดที่มีการนำเข้าและส่งออกซึ่งสินค้าจำเป็นต้องเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายออนไลน์ชุดนี้
2) ระบบชำระเงินออนไลน์
ธุรกิจจะลดขั้นตอนการทำงานอย่างมากถ้าสามารถชำระเงินด้วยระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่จุดเดียว
ซึ่งก็คือระบบ National Payment System (NPS) ที่จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของการจัดการชำระเงินระหว่างธุรกิจด้วยการสั่งจ่ายด้วยการโอนเงินหักบัญชีข้ามธนาคารได้
ขณะนี้กลุ่มธนาคารพาณิชย์และธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่ในระหว่างการพัฒนาระบบ
National Payment System เพื่อให้บริการธุรกิจตามแนวทางที่กล่าวข้างต้น
เมื่อถึงจุดนี้ ธุรกิจจะเริ่มสามารถทำรายการค้าด้วยอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร
ตั้งแต่การขาย การส่งสินค้า และการรับชำระเงิน หรือการสั่งซื้อ
การรับสินค้าและการชำระเงินอย่างสะดวกและรวดเร็ว
3) ระบบจัดการใบกำกับภาษี
ในขณะนี้
ธุรกิจไทยยังต้องพิมพ์ใบกำกับภาษีและเก็บรักษาไว้เป็นกระดาษตามกฎหมาย เป็นภาระในด้านการจัดการและเพิ่มค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น
แต่เรื่องนี้กำลังจะถูกเปลี่ยนแปลง กรมสรรพากรกำลังพัฒนาและติดตั้งระบบ e-Taxinvoice ที่จะทำให้ธุรกิจสามารถส่งใบกำกับภาษีให้สรรพากรเป็นอิเล็กทรอนิกส์
ธุรกิจจะไม่ต้องพิมพ์เป็นเอกสารและจัดเก็บเป็นกระดาษเพื่อรอการตรวจสอบอีกต่อไป
ระบบ e-Taxinvoice จะช่วยให้กระบวนการทำงานของธุรกิจทุกชนิดทุกขนาดกระชับมากขึ้น
ทำให้ระบบทำธุรกิจของธุรกิจมีลักษณะเป็นแบบออนไลน์แบบ End-to-end อย่างสมบูรณ์แบบ
4) ใช้ช่องทางการค้าด้วยระบบ
e-Commerce
เมื่อระบบงานสนับสนุนการทำธุรกิจ
ตั้งแต่ระบบที่เกี่ยวกับการขออนุญาตนำเข้าส่งออกและพิธีการทางศุลกากร การชำระเงิน
และระบบเกี่ยวกับเรื่องภาษีที่ทำงานด้วยอิเล็กทรอนิกส์แบบเชื่อมโยงกันได้
ธุรกิจส่วนมากก็พร้อมที่จะขยายช่องทางการค้าผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
นั่นคือระบบธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์หรือ e-Commerce
ซึ่งจะเป็นผลดีสำหรับทุกฝ่ายและเป็นวิธีสำคัญที่จะช่วยขยายฐานของธุรกิจไม่เฉพาะภายในประเทศ
แต่ยังสามารถขยายตลาดไปทั่วโลกได้ ซึ่งจะมีผลต่อการขยายฐานเศรษฐกิจของประเทศได้
5)
ระบบจัดการด้านโลจิสติกส์
ในขณะนี้ธุรกิจไทยยังไม่สามารถเชื่อมโยงกับระบบบริการโลจิสติกส์ในลักษณะออนไลน์กับระบบปฏิบัติการภายในขององค์กรได้
เป็นเหตุให้กระบวนการจัดส่งสินค้าและรับสินค้ายังไม่กระชับและใช้เวลาทำงานมาก
ขาดความสามารถในการตรวจสอบและติดตามผล ทำให้เกิดต้นทุนที่สูงมากอันเป็นเหตุให้ประสิทธิภาพการแข่งขันของประเทศลดลง
เมื่อโครงสร้างพื้นฐานด้านธุรกิจเริ่มปรับใช้เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น
การเชื่อมโยงระบบธุรกิจเข้ากับการบริการโลจิสติกส์ทั่วโลกผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์และบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงก็จะเกิดขึ้นตามมา
ทำให้ศักยภาพในการแข่งขันของธุรกิจจะดีขึ้นเป็นอย่างมาก
6)
ระบบจำหน่ายและส่งมอบสินค้า
(Order fulfillment system)
เพื่อให้ธุรกิจได้รับประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานทางธุรกิจที่เป็นลักษณะเป็นอิเล็กทรอนิกส์ตามกล่าวข้างต้น
โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs จึงจำเป็นที่รัฐต้องเข้ามาส่งเสริมและสนับสนุนให้ธุรกิจส่วนใหญ่ปรับตัวให้ทำธุรกรรมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ตลอดกระบวนการตั้งแต่การรับใบสั่งซื้อจนถึงขั้นส่งสินค้าและรับชำระเงิน
และการสั่งซื้อสินค้า การรับสินค้าและชำระเงิน
เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงกับระบบบริการทางธุรกิจอื่น ๆ ที่กล่าวมาทั้ง 5 หัวข้อข้างต้น ดังที่แสดงในภาพข้างล่างนี้
รูปที่แสดงข้างต้น
เป็นเครือข่ายธุรกิจในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลที่ธุรกิจยุคใหม่ทำงานเชื่อมโยงกับลูกค้าและผู้บริโภค
กับพันธมิตรทางธุรกิจในทุกรูปแบบ รวมทั้งกับเจ้าหน้าที่รัฐผ่านเครือข่ายทั่วทั้งโลก
เรานิยมเรียกเครือข่ายธุรกิจที่เชื่อมโยงกันอย่างกว้างขวางทั่วทั้งโลกนี้ว่า “Digital Business Ecosystem”
ความหมายของ Business Ecosystem
Webster’s Dictionary ให้ความหมายของคำ “Ecology” เป็นภาษาอังกฤษว่า “…the totality or pattern of relations
between organizations and their environment” และพจนานุกรมฉบับ นิจ
ทองโสภิต ให้ความหมายว่า “วิชาว่าด้วยอิทธิพลของสิ่งแวดล้อมที่มีต่อพืชและสัตว์”
ในขณะที่พจนานุกรมของ Longman ให้ความหมายเป็นภาษาอังกฤษว่า
“Ecosystem” is a system formed by the interaction of a community of
organizations with their physical environment” หรือแปลเป็นไทยว่าระบบที่เกิดจากความสัมพันธ์ระหว่างชุมชน
และองค์กรกับสิ่งแวดล้อม
เนื่องจากระบบธุรกิจถูกสร้างขึ้นจากความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคน
คนกับองค์กร และองค์กรกับองค์กรหรือกับกลุ่มองค์กร และกับสิ่งแวดล้อม สิ่งแวดล้อมในที่นี้อาจหมายถึง กฎหมาย
กฎระเบียบของภาครัฐในบริบทของการทำธุรกิจ ชุมชน ลูกค้า คู่ค้า คู่แข่ง
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระบบงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ
รวมทั้งทรัพยากรขององค์กรที่เกี่ยวข้อง เช่นคน อุปกรณ์ สินค้า บริการ
และทรัพยากรอื่น ๆ ภาพที่แสดงข้างต้น
จึงเป็นการแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบที่กล่าวทั้งหมด
และเชื่อมโยงกันผ่านดิจิทัลเทคโนโลยี จึงเรียกได้ว่าเป็น “Digital Business Ecosystem” และถือว่าเป็นเวทีการค้าที่สำคัญในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล
การส่งเสริมเรื่องเศรษฐกิจดิจิทัลของภาครัฐจึงเป็นการสร้างความตระหนัก
และกระตุ้นให้ภาคเอกชนรีบเร่งปรับเปลี่ยนตนเองให้สามารถทำธุรกิจกับคนทั่วโลกโดยอาศัย
Digital Business Ecosystem นี้ อีกทั้งสนับสนุนให้ปรับปรุงกลไกการให้บริการในด้านธุรกิจทั้งในระดับ
B2G (Business to Government) และ G2G (Government to Government) ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อมโยงกัน
ทั้งหมดนี้ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการนำพาธุรกิจไทยเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลด้วยการทำธุรกิจออนไลน์แบบครบวงจร
แต่จะไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้ เนื่องจากภายในไม่กี่ปีข้างหน้า
คาดว่าธุรกิจของประเทศส่วนใหญ่ก็จะปรับเปลี่ยนให้เข้าร่วมทำธุรกิจในเวทีเดียวกันนี้
คือเวที Digital Business Ecosystem ความได้เปรียบเสียเปรียบจะไม่แตกต่างกันมากนัก
เพราะต่างก็ได้พัฒนาศักยภาพในการใช้ดิจิทัลเทคโนโลยีได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ตลาดที่มีลักษณะเป็น
Digital Business Ecosystem เป็นตลาดที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของผู้บริโภคและชุมชนมากกว่าตลาดแบบดั่งเดิม
การทำธุรกิจด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อมโยงกันเต็มรูปแบบ End-to-end
(Connectivity) ทำให้ธุรกิจถูกขับเคลื่อนด้วยข้อมูลข่าวสาร
(Content
enable) ตลาดการค้าจะถูกพัฒนาให้เป็นตลาดที่เป็นโซ่อุปทานแบบเปิด
(Open
supply chain) ที่ใครต่อใครสามารถเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อวัตถุประสงค์ในการสร้างคุณค่าร่วมกัน
(Co-creation
of value) ธุรกิจจะถูกกดดันด้วยการแข่งขันรูปแบบใหม่ที่เน้นด้าน
Personalization
เนื่องมาจากผู้บริโภคได้พัฒนาเปลี่ยนจะเป็นผู้ตาม (Passive
customer) มาเป็นผู้นำ (Active
customer) การแข่งขันด้วยการพยายามตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเป็นรายบุคคลจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการบริการที่สามารถให้คุณค่า
(Value)
แก่ผู้บริโภคที่แท้จริง บริการ (Service)
ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลไม่ได้หมายถึงธุรกิจในภาคบริการแบบดั่งเดิม
แต่หมายถึงกิจกรรมที่เป็นการให้บริการซึ่งเกิดขึ้นได้ในทุกภาคของเศรษฐกิจ
รวมทั้งภาครัฐ เป็นกิจกรรมที่อาศัยสมรรถนะ ความรู้และทักษะ
เพื่อทำให้เกิดประโยชน์แก่บุคคลอื่น
เป็นกิจกรรมที่เน้นการใช้ทรัพยากรของทุกคนที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างคุณร่วมกัน
เป็นประโยชน์แก่ทุก ๆ คนที่เข้าร่วมกิจกรรม ถึงแม้ธุรกิจจำหน่ายสินค้าที่เป็นกายภาพ
เช่นขายบ้าน ขายรถยนต์
ก็จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการเพิ่มบริการที่อาศัยสินค้ากายภาพเป็นส่วนประกอบการสร้างคุณค่า
การบริการในบริบทของเศรษฐกิจดิจิทัลจึงครอบคลุมธุรกิจทุกแขนง
โดยให้ความสำคัญที่คุณค่าจากการใช้สินค้าและบริการ (Traditional
service businesses) จึงกล่าวได้ว่า
ธุรกิจทุกชนิดในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลถือว่าเป็นธุรกิจบริการทั้งหมด
จะแตกต่างกันก็เพียงวิธีการและองค์ประกอบในการส่งมอบบริการ (Mode
of delivery) เท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้การแข่งขันจะเปลี่ยนเป็นการแข่งขันด้วยนวัตกรรม
ทักษะในการสร้างนวัตกรรม โดยเฉพาะนวัตกรรมบริการภายใต้ Digital
Business Ecosystem ซึ่งถูกมองได้เป็น
Digital World โลกใหม่ที่เป็นเวทีที่นวัตกรรมบริการต่าง
ๆ ถูกสร้างเกิดขึ้นอย่างไม่มีขอบเขตและไม่สิ้นสุด
ตอนต่อไป
จะกล่าวถึงนวัตกรรมบริการในโลกดิจิทัล (Digital
World) โลกใบใหม่ที่ทำงานร่วมกับโลกใบเก่า คือ Physical
world ที่เราคุ้นเคยกัน นำไปสู่การสร้างรูปแบบธุรกิจใหม่ถึงขั้นปฏิรูปแนวทางทำธุรกิจใหม่โดยสิ้นเชิง
(Business Transformation) ได้
No comments:
Post a Comment