ในบทความเกี่ยวกับ Cloud Maturity Model สองตอนแรกได้พูดถึงความสำคัญของ
Cloud Maturity Model และนำเสนอกรอบความคิดการพัฒนาความสามารถการใช้คลาวด์เป็น 5 ขั้น คือกำหนดเป็นหลักไมล์ 5 ระดับ และกำหนดให้มีการประเมินความสามารถการใช้ Cloud Computing ใน 4 ด้าน เราได้พูดไปแล้ว 2 ด้าน
ได้แก่ด้านโครงสร้างพื้นฐานไอซีที และด้านระบบงานประยุกต์ หรือ Applications ตอนใหม่นี้จะพูดส่วนที่เหลืออีก 2
ด้าน ได้แก่ด้านกระบวนการจัดการไอที หรือ IT Business
Processes และด้านรูปแบบงบประมาณเพื่อไอที หรือ Financial
model
3.
วุฒิภาวะองค์กรด้านคลาวด์ส่วนที่เกี่ยวกับกระบวนการจัดการไอที
(IT Business Processes)
ความสามารถการจัดการบริการไอทีในองค์กร
ตลอดจนการจัดกระบวนการให้บริการและการบริหารจัดการทรัพยากรไอที เพื่อให้ผู้ใช้ไอทีมีความสะดวกและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ทางธุรกิจนั้น มีความแตกต่างกันระหว่างการให้บริการไอทีจากศูนย์คอมพิวเตอร์ขององค์รูปแบบเดิม
กับการให้บริการผ่าน Cloud computing ความแตกต่างกันนั้นมีนัยสำคัญต่อผลการดำเนินธุรกิจตามแผนยุทธศาสตร์โดยรวม
องค์กรที่มีแผนจะใช้บริการ Cloud computing จึงจำเป็นต้องพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการจัดการและให้บริการไอทีที่สอดคล้องกันอย่างเป็นขั้นเป็นตอนตามหลักไมล์
5 ระดับดังนี้
3.1.
ระดับที่
1 ระดับเริ่มต้น
(Traditional) ยังเป็นระดับบริหารทรัพยากรไอทีโดยพนักงานของศูนย์คอมพิวเตอร์ขององค์กร
การจัดซื้อจัดหาอุปกรณ์ไอทีขึ้นอยู่กับโครงการของผู้ใช้เป็นหลัก
กระบวนการให้บริการแก่ผู้ใช้ยังคงเน้นแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและคำนึงถึง Up-time ของอุปกรณ์เป็นหลัก เพื่อไม่ให้งานต้องหยุดชะงัก
3.2.
ระดับที่
2 ระดับที่เริ่มใช้เทคโนโลยีเสมือน
(Visualization) ในระดับนี้องค์กรเริ่มให้ความสำคัญกับการใช้ไอทีอย่างมีประสิทธิภาพ
ไม่พิจารณาประสิทธิภาพตามโครงการเหมือนแบบเดิม แต่เป็นประสิทธิภาพในองค์รวม
เริ่มให้ความสำคัญกับความสามารถของระบบงานและอุปกรณ์ที่รองรับความต้องการของระบบงานตามยุทธศาสตร์
สามารถรับปริมาณงาน มากน้อยตามความเป็นจริง เริ่มนำเทคโนโลยีเสมือนมาใช้สนับสนุนการบริหารจัดการและจัดสรรทรัพยากรไอที
3.3.
ระดับที่
3 ระดับแยกตัวเป็นอิสระ (Abstracted) ในระดับนี้ องค์กรเริ่มกำหนดให้ไอทีเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ทางธุรกิจ
และสามารถสนับสนุนยุทธศาสตร์ทางธุรกิจได้อย่างเหมาะสม เริ่มให้ความสำคัญกับ Up-time
ของโครงสร้างพื้นฐานไอทีและระบบงานอย่างจริงจังโดยนำระบบจัดการ SLA
(Service Level Agreement) มาใช้กับระบบงานที่เป็น Mission critical
application และเริ่มเปิดให้ผู้ใช้มีอิสระในการจัดสรรทรัพยากรไอทีมากน้อยตามความต้องการด้วยตนเอง
3.4.
ระดับที่
4 เป็นระดับมีความยืดหยุ่น (Flexibility)
ในระดับนี้ องค์กรเริ่มมีมาตรการจัดสรรและใช้ทรัพยากรไอทีมากน้อยตามความต้องการโดยอัตโนมัติ
บางโครงการหรือบางระบบงานเริ่มเคลื่อนย้ายไปใช้บริการคลาวด์ของ ศูนย์บริการภายนอก
การใช้ระบบไอทีเริ่มเชื่อมโยงกับระหว่าง Application modules และ components ตามตรรกะของการทำงาน
และเป็นอิสระกับระบบโครงสร้างพื้นฐานใด ๆ คลาวด์เริ่มกลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ (Ecosystem)
ของธุรกิจ และเป็นส่วนหนึ่งของรูปแบบธุรกิจ
3.5.
ระดับที่
5 เป็นระดับเพิ่มประสิทธิภาพ (Optimized)
ในระดับนี้งานไอทีเริ่มกระจายไปอยู่กับคลาวด์หลาย ๆ ระบบ
ทั้งคลาวด์ส่วนตัวขององค์กร และคลาวด์ของศูนย์บริการภายนอก การบริหารจัดการ
และกระบวนการให้บริการไอทีแก่ระบบงานต่าง ๆ เป็นอัตโนมัติมากขึ้น ระบบงานต่าง ๆ
เริ่มจะถูกขับเคลื่อนผ่านกระบวนการ (Business processes) ที่มีความยืดหยุ่นและมีพลวัตในการปรับเปลี่ยนเพื่อรับมือกับสถานการณ์ของการแข่งขันในตลาด
การให้บริการอย่างยืดหยุ่นเป็นหัวใจสำคัญ และการบริหารจัดการไอทีอยู่บนพื้นฐานข้อตกลง
SLA
4.
วุฒิภาวะองค์กรด้านคลาวด์ส่วนที่เกี่ยวกับรูปบบงบประมาณ
(Financial model)
4.1. ระดับที่ 1 ระดับเริ่มต้น (Traditional)
งบประมาณส่วนใหญ่ยังเป็นงบประมาณด้านใช้จ่ายของศูนย์คอมพิวเตอร์แบบเดิม
ๆ ประกอบด้วยเงินเดือนพนักงานของศูนย์ไอที ค่าใช้จ่ายด้านซอฟต์แวร์
ค่าเสื่อมราคาด้านฮาร์ดแวร์ และค่าบำรุงรักษาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ในระดับนี้
องค์กรยังต้องมีการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานไอทีเป็นอย่างมาก
4.2 ระดับที่ 2 ระดับที่เริ่มใช้เทคโนโลยีเสมือน (Visualization)
ถึงแม้องค์กรจะเริ่มทดลองใช้เทคโนโลยีเสมือน
แต่ก็ยังไม่ได้เฉลี่ยค่าใช้จ่ายมากน้อยตามการใช้จริง กล่าวคือ การลงทุนในด้าน Visualization
ยังเป็นค่าใช้จ่ายของส่วนกลาง
การลงทุนและการคิดต้นทุนยังคงมีลักษณะเดิม อย่างไรก็ตาม
องค์กรเริ่มให้ความสนใจการวางแผนการใช้ไอทีตามชนิดของงาน
และเริ่มมีความคิดที่จะคิดต้นทุนตามชนิดของงาน
และมีมาตรการในการจัดการให้การลงทุนมีความคุ้มต่าและให้เหมาะสมกับงาน
4.3 ระดับที่ 3 ระดับแยกตัวเป็นอิสระ (Abstracted) ในระดับนี้ งบประมาณเริ่มจัดสรรตามความต้องการของโครงการ
คือจัดตามความจำเป็นของระบบงาน และมีการวัดผลความคุ้มค่าตามเนื้องานจริง
รวมทั้งมีการคำนวณค่าใช้จ่ายสอดคล้องกับคุณภาพการให้บริการ คือสอดคล้องกับ SLA โครงการทุกโครงถูกกำหนดให้มีตัวชี้วัดผลสัมฤทธิ์
และกำหนดตัวเกณฑ์เพื่อประเมินความคุ้มค่าของการลงทุน
4.4 ระดับที่ 4 เป็นระดับมีความยืดหยุ่น (Flexibility) ในระดับนี้ องค์กรเริ่มเน้นการออกแบบระบบซอฟต์แวร์เป็นส่วน
ๆ ตามกระบวนการทำงานและตามชนิดของการบริการ เพื่อนำไปสู่การคิดต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ใกล้เคียงกับการใช้งานจริง
องค์กรเริ่มอาศัยคุณสมบัติของคลาวด์เป็นเครื่องมือวัดปริมาณการใช้ทรัพยากรของงานแต่ละโครงการตามความเป็นจริง
เพื่อเป็นพื้นฐานของการจัดสรรค่าใช้จ่าย
เริ่มมีการใช้วิธีโอนค่าใช้จ่ายระหว่างหน่วยงาน (Charge back) จากการใช้บริการไอทีที่ให้บริการข้ามหน่วยงาน
เป็นผลให้รู้ต้นทุนและค่าใช้จ่ายด้านไอทีตามความเป็นจริง
4.5 ระดับที่ 5 เป็นระดับเพิ่มประสิทธิภาพ (Optimized) ในระดับนี้ค่าใช้จ่ายด้านไอทีจะอาศัยการใช้บริการคลาวด์เป็นพื้นฐานการคำนวณ
ในลักษณะใช้ไอทีแบบสาธารณูปโภค ใช้มากจ่ายมาก ใช้น้อยจ่ายน้อยตามเนื้องาน
องค์กรเริ่มบังคับใช้สัญญาผูกมัดผู้ให้บริการคลาวด์
ให้ร่วมรับผิดชอบในด้านความเสี่ยงจากการใช้บริการคลาวด์ รวมทั้งผูกงบประมาณค่าใช้จ่ายจากการใช้บริการคลาวด์กับคุณภาพการบริการที่สัญญาไว้ตาม
SLA องค์กรหนึ่ง ๆ
อาจมีรูปแบบการคิดค่าใช้จ่ายการใช้บริการคลาวด์แตกต่างกัน เช่นคิดค่าใช้จ่ายตามปริมาณที่ใช้จริง
เหมาจ่ายเป็นเดือน หรือจ่ายตามปริมาณขั้นต่ำที่จับจองไว้
จึงเห็นได้ว่า
การเปลี่ยนการใช้ไอทีจากแบบดั้งเดิมมาเป็นคลาวด์คอมพิวติง ใช่ว่าจะทำได้ทันที จำเป็นต้องมีการพัฒนาความสามารถ
และปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร รวมทั้งค่านิยม อย่างเป็นขั้นเป็นตอน
จำเป็นต้องมีการวางแผนเพื่อพัฒนาให้เกิดความพร้อม
มีมาตรการประเมินความพร้อมตามขั้นตอนที่จะบรรยายมาข้างต้น
การสร้างความพร้อมด้านคลาวด์ตามกรอบ Cloud
Maturity Model นอกจากช่วยให้องค์กรพัฒนาแนวทางใหม่เกี่ยวกับการเลือกใช้เทคโนโลยี
ยังเป็นเกณฑ์ที่จะใช้เลือกคุณสมบัติของผู้ให้บริการคลาวด์ที่เหมาะสมในแต่ละระดับตามหลักไมล์ของวุฒิภาวะการใช้คลาวด์ด้วย
No comments:
Post a Comment