Sunday, October 28, 2012

คลาวด์ แพลตฟอร์มใหม่สำหรับธุรกิจ (Business Platform) ตอนที่ 1



ในบทความเมื่อเดือนสิงหาคม 2555 เรื่อง แนวทางตัดสินใจเลือกชนิดของบริการคลาวด์ได้กล่าวว่า การเลือกใช้บริการคลาวด์ ต้องให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ขององค์กร บทความหลายตอนต่อจากนี้ จะกล่าวถึงแนวทางพิจารณาเลือกใช้คลาวด์ในเชิงยุทธ์ศาสตร์ และเป็นยุทธศาสตร์ในเชิงปฎิรูป จากนี้ไป เชื่อว่า การเลือกใช้บริการคลาวด์ได้อย่างชาญฉลาด และเหมาะสม มีนัยสำคัญต่อการพัฒนาธุรกิจ และการแข่งขัน การเลือกใช้บริการคลาวด์เพียงเพื่อทดแทนการลงทุนในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เพื่อมุ่งหวังลดการลงทุน ประหยัดค่าใช้จ่าย และขจัดปัญหาที่ต้องเผชิญกับความซับซ้อนของเทคโนโลยีนั้น ไม่น่าเป็นเป้าหมายหลักขององค์กร ประโยชน์ที่ได้จากคลาวด์มีมากกว่าเพียงเพื่อลดการลงทุนและลดค่าใช้จ่าย  ประโยชน์หลักของคลาวด์น่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการสร้างคุณค่า (Value creation) ในยุคที่ธุรกิจได้เปลี่ยนทิศทาง หันมาสนใจการสร้างคุณค่าให้ผู้บริโภค สร้างความใกล้ชิดกับผู้บริโภค การมีปฎิสัมพันธ์ และการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับพันธมิตรและชุมชน เป็นความสำคัญที่ปฎิเสธไม่ได้ คลาวด์คอมพิวเตอร์สนับสนุนยุทธศาสตร์ที่กล่าวนี้ได้ คลาวด์กำลังมีบทบาทสำคัญในฐานะเป็นเวทีสำหรับการทำธุรกรรม (Business platform) เพื่อการสร้างคุณค่าร่วมกัน

การ์ตเนอร์ได้เผยแพร่เรื่อง Gartner’spredictions for 2012 and beyond ตอน “Emergence of the nexus of four forces: The convergence of cloud, social, mobile, and information (CSMI) into a unified set of forces shaping almost every IT-related decision” ได้พยากรณ์อย่างน่าสนใจว่า ไอซีทีกำลังเปลี่ยนบทบาทในสังคมครั้งใหญ่สู่อีกมิติหนึ่ง การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ มีผลต่อการดำเนินกิจการทางธุรกิจอย่างมาก ที่ผู้บริหารทุกระดับ องค์กรทุกชนิด จะต้องให้ความสำคัญ โดยสรุป CSMI Nexus ของการ์ตเนอร์ (Nexus หมายถึงการเชื่อมโยงกันของสรรพสิ่ง) บอกเราว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ เป็นผลจากแรงขับเคลื่อน 4 เรื่องดังนี้

1.          Cloud หมายถึงคลาวด์คอมพิวติง ที่จะเปลี่ยนรูปแบบการใช้ไอซีที ไปเป็นรูปแบบสาธารณูปโภค และทำให้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมโยงกันด้วยอินเทอร์เน็ตจะกลายเป็นเวทีการทำธุรกิจทุกชนิด (Business Platform)
2.          Social หมายถึงเครือข่ายสังคม และสื่อสังคมทั้งหลาย ที่ได้กลายเป็นเวทีเพื่อการสื่อสาร และการติดต่อปฎิสัมพันธ์กันของมนุษย์ เป็นเทคโนโลยีที่สำคัญและยิ่งใหญ่กว่ายุคที่มีการประดิษฐ์ระบบโทรศัพท์
3.          Mobile หมายถึงเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมแบบไร้สาย และอุปกรณ์พกพาทั้งหลาย ตั้งแต่เครื่องสมาร์ตโฟนไปจนถึงเครื่องแท็บเล็ตและโน๊ตบุ๊ค เป็นผลให้เกิดการแพร่กระจายการใช้ไอซีทีอย่างทั่วถึง (Ubiquitous computing) และเกิดความสะดวกในการทำงานและการเข้าถึงข้อมูล (Mobility)
4.          Information หมายถึงข้อมูลและข่าวสาร ซึ่งเป็นหัวใจหลักของทุกสิ่งในโลก เพราะเป็นตัวแทนของคน สินค้า บริการ และทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นในโลก ที่สามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างสะดวก ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ พวกเราที่ประกอบธุรกรรมจำเป็นต้องอาศัยข้อมูลและข่าวสารมากขึ้นทุกวัน

การเชื่อมโยงของ Cloud, Social, Mobile, Information ที่การ์ตเนอร์เรียกว่า “CSMI Nexus” นั้น บอกเราว่า ความสำคัญของคลาวด์ไม่ได้อยู่ที่เป็นตัวเลือกของการมีการใช้ไอซีที ความสำคัญของคลาวด์ น่าจะเป็นเรื่องของการปฎิรูป และการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำธุรกิจ เราสามารถรับรู้ระดับความยิ่งใหญ่ และความสำคัญของคลาวด์ ด้วยการศึกษาตัวเลขการลงทุนในธุรกิจให้บริการคลาวด์ของกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ไอซีทีระดับโลกในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ที่จะกล่าวต่อไปข้างล่างนี้  ซึ่งจะพบว่ามีมูลค่ามหาศาล และนำไปสู่ข้อสรุปว่า ปรากฎการณ์การให้บริการไอซีทีรูปแบบใหม่ มีนัยสำคัญต่อการทำธุรกิจและการแข่งขันธุรกิจในศตวรรษที่ 21 อย่างแน่นอน 

1.          Amazon: Amazon ถือว่าเป็นผู้ให้บริการรายใหญ่ และเป็นรายแรกของโลก เริ่มให้บริการคลาวด์ตั้งแต่ปี 2006 ถ้าดูจากสถิติการลงทุนในศูนย์ข้อมูลในช่วงปี 2010-2011 รายงานจาก Zdnet.com  ประมาณว่า มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่าสองแสนล้านบาท และมีศูนย์ข้อมูลกระจายอยู่ทั่วโลก ทั้งในอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเซีย Amazon ให้บริการ IaaS ภายใต้ชื่อว่า Amazon Web Service (AWS) แบ่งเป็นบริการสองรูปแบบ แบบที่หนึ่งเรียกว่า Elastic Compute Cloud (EC2) ลูกค้าเช่าใช้ในรูปของ Virtual machines (VMs) ลูกค้าจะใช้ VM ทำงานอะไรก็ได้ โดยลูกค้ารับผิดชอบโหลดซอฟต์แวร์ประยุกต์ของตัวเอง และชำระค่าบริการตามจำนวนชั่วโมงที่ใช้จริง หรือเป็นรายเดือน บริการประเภทที่สอง เรียกว่า Simple Storage Service (S3) เป็นการบริการเช่าใช้ที่บันทึกข้อมูล (Data storage) Amazon จัดหา Web service interface ให้ลูกค้านำไปฝังไว้ในโปรแกรมของตัวเอง เพื่อเรียกใช้ข้อมูลที่ฝากไว้กับ S3 ได้อย่างสะดวก ในกรณีบริการ S3 ลูกค้าจะชำระค่าบริการตามปริมาณข้อมูลที่ฝากบันทึกไว้ต่อเดือน (gigabytes/month)

2.          Google:  ศูนย์ข้อมูลเพื่อบริการคลาวด์ บนพื้นที่กว่า 75 ไร่ ในเมือง Dalles มณรัฐออรีกอน เป็น 1 ใน 12 ศูนย์ข้อมูลของ Google ครอบคลุมทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา เฉพาะที่เมือง Dalles แห่งเดียว Google ได้ลงทุนไปกว่า 600 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 2 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ ยังได้ลงทุนสร้างศูนย์ข้อมูลในสหภาพยุโรปมูลค่ากว่า 200 ล้านยูโร (Wikipedia 2012) นับรวมกันแล้ว Google ได้ลงทุนในศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจคลาวด์เป็นแสนล้านบาท  Google บริการ IaaS ผ่าน Google Compute Engine บริการ PaaS และ SaaS ผ่าน Google App Engine เป็นการให้บริการคลาวด์คอมพิวติงแบบครบวงจร

3.          IBM: เจ้าหน้าที่ระดับสูงของไอบีเอ็มเปิดเผยว่า ภายในปี 2015 ไอบีเอ็มมีแผนที่จะ Acquire ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคลาวด์ มูลค่าที่ได้ตั้งเป้าไว้สูงถึง 20 พันล้านเหรียญสหรัฐ  ตัวอย่างของธุรกิจที่ Acquire คือ Green Hat เป็นธุรกิจประเภท Cloud testing provider และให้บริการเครื่องมือเพื่อการบูรณการระบบงานขนาดใหญ่    นอกจากนี้ ไอบีเอ็มยังเปิดเผยว่ากำลังลงทุนศูนย์ข้อมูลเพื่อให้บริการคลาวด์ขนาดใหญ่ในประเทศจีนแห่งที่ 3 ที่ Jilin นอกจากนี้ ยังได้ลงทุนสร้างศูนย์ข้อมูลเพื่อบริการคลาวด์ในประเทศสิงคโปร์ มูลค่าประมาณ 38 ล้านเหรียญสหรัฐ และลงทุนในลักษณะเดียวกันในภูมิภาคยุโรปและอื่น ๆ ไอบีเอ็มกล่าวว่า การให้บริการคลาวด์ของไอบีเอ็ม ภายใต้แบรนด์ “Smart Clouds” นอกจากจะช่วยลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการใช้ไอซีทีแล้ว ยังเป็นเวทีสำคัญสำหรับการสร้างรายได้ใหม่ การทำธุรกิจแนวใหม่ และพัฒนารูปแบบธุรกิจใหม่ด้วย
 
4.          Microsoft: วารสาร CloudJournal ได้อ้างอิงถึง Bloomberg ว่า ไมโครซอฟต์วางแผนที่จะทุ่มเงินถึง 8.64 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2011 ด้านวิจัยและพัฒนาการบริการคลาวด์คอมพิวติงภายใต้แบรนด์ “Azure”     นอกจากนี้ H-online.com ยังรายงานว่า ไมโครซอฟต์เริ่มลงทุนจำนวนมหาศาล สร้างศูนย์ข้อมูลเพื่อบริการคลาวด์ที่มณรัฐเท็กซัส    ชิคาโก และอื่น ๆ รวมทั้งในต่างประเทศทั่วโลก ยักษ์ใหญ่เหล่านี้ ต่างแข่งขันการลงทุนสำหรับขยายฐานธุรกิจด้านบริการคลาวด์ในระดับหลายแสนล้านบาทขึ้นไปทั้งสิ้น

ที่กล่าวมา เป็นเพียงไม่กี่บริษัทที่จัดอยู่ในระดับผู้ให้บริการคลาวด์ชั้นแนวหน้า ยังไม่นับยักษ์ใหญ่ที่เหลือ เช่น HP, Oracle, Akamai, Dell, etc. นอกจากนี้ ยังมีผู้ให้บริการรายใหญ่ของภาคพื้นยุโรป และญี่ปุ่น จำนวนเงินที่ลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อบริการคลาวด์ ถึงแม้จะยังไม่สามารถค้นหาตัวเลขมายืนยันว่าสูงเพียงใด แต่จากตัวอย่างที่หามาได้ข้างต้น ก็ได้เห็นตัวเลขการลงทุนเครือข่ายบริการคลาวด์เชื่อมโยงทั่วทั้งโลก รวมกันอยู่ในระดับล้านล้านบาท เพียงเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอที่ยืนยันว่า คลาวด์กำลังจะเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ในวงการไอซีทีของศตวรรษที่ 21 และมีผลต่อการกำหนดยุทธศาสตร์ขององค์กรทุกขนาด ทุกประเภท และทุกหนแห่งในโลกนี้ จากนี้เป็นต้นไป

เรื่องที่คลาวด์กลายเป็น Business platform ใหม่ จะต้องพูดคุยกันอีกหลายตอนครับ

No comments:

Post a Comment