Gartner Identifies the Top 10 Strategic Technology Trends for 2015
ในตอนที่ 1 ผมได้แปลนำเสนอ Top 10 Strategic Technology Trends
2015 ของ Gartner ห้าเรื่องแรกไปแล้ว สำหรับตอนที่
2 นี้เป็นการนำเสนอห้าเรื่องที่เหลือครับ
6. By 2017, U.S. customers' mobile
engagement behavior will drive mobile commerce revenue in the U.S. to 50
percent of U.S. digital commerce revenue.
การซื้อขายแบบออนไลน์ผ่านมือถือกำลังมาแรงมาก Gartner ประมาณว่าภายในปี 2017 หรืออีกเพียง 2-3 ปีข้างหน้า
ความนิยมใช้อุปกรณ์พกพาอย่างกว้างขวางจะผลักดันให้รายได้ธุรกิจออนไลน์ที่ทำผ่านมือถือในสหรัฐอเมริกาจะพุ่งสูงขึ้น
จนได้ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 50 ของรายได้จากพาณิชย์ดิจิทัล (Digital
Commerce) ทั้งหมด สังเกตว่า Gartner ใช้คำว่า
“Digital Commerce” แทน “e-Commerce” ซึ่งสองคำนี้มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ
พาณิชย์ดิจิทัล (Digital
Commerce) เป็นรูปแบบหนึ่งของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce)
แต่มีความหมายกว้างขวางกว่าและยิ่งใหญ่กว่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มาก กล่าวได้ว่าพาณิชย์ดิจิทัลเป็นพัฒนาการของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ความแตกต่างของพาณิชย์ดิจิทัลอยู่ที่การรวมเทคนิคของ
Mobile Commerce กับ Social Commerce มาเสริมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ยุคเดิมซึ่งส่วนใหญ่เป็นการบริการผ่านเว็บเท่านั้น ทำให้ลูกค้ามีช่องทางเพื่อค้นหาสินค้า ตรวจสอบราคาและคุณสมบัติของสินค้าได้อย่างกว้างขวาง
ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้นก่อนตัดสินใจสั่งซื้อ นอกจากนี้ยังมีระบบชำระเงินรูปแบบใหม่ผ่านเครื่องโทรศัพท์มือถือที่สะดวกกว่าเดิม
เช่นระบบ Apple Pay ที่ได้เปิดให้บริการผ่าน
iPhone 6 และระบบ NFC-enabled
Google Wallet ที่อาศัยเทคนิค Near Field Communication (NFC) ในระบบมือถือเป็นตัวอย่าง
จุดเด่นของ Digital Commerce อยู่ที่ความสามารถเชื่อมโยงกันระหว่างผู้ประกอบการที่ขายสินค้าทั้งผ่านระบบออนไลน์และผ่านร้านค้าปกติ
ทั้งที่เป็นสาขาของบริษัทเดียวกัน หรือของพันธมิตร การเชื่อมโยงผ่านระบบสื่อสารไร้สายและผ่านระบบ
Cloud services ทำให้ตลอดเส้นทางการเลือกและสั่งซื้อสินค้าทุกชนิดทำได้อย่างสะดวก
สามารถสร้างความพอใจและประทับใจแก่ผู้บริโภคมากกว่า
และยิ่งใหญ่กว่าระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบเดิม จุดเน้นในระบบพาณิชย์ดิจิทัลคือการสร้างคุณค่าและความพึงพอใจให้ลูกค้า
ลูกค้าไม่เพียงแต่สามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์
แต่ยังสามารถเดินเลือกซื้อสินค้าได้ด้วยตนเองตามร้านค้าปกติ
หรือร้านค้าที่จัดเป็นเพียงป้ายโฆษณาสินค้าข้างกำแพงทางเดินในสนามบิน
หรือตามสถานีรถไฟใต้ดิน แบบบริการ Virtual store ของ Tesco
Lotus โดยลูกค้าเลือกซื้อสินค้าได้ผ่านเครื่องโทรศัพท์มือถือด้วย QR
code สินค้าที่สั่งจะถูกส่งถึงบ้านก่อนที่ผู้ซื้อจะเดินทางถึงบ้านเสียด้วยซ้ำ การเลือกซื้อสินค้าได้อย่างสะดวกผ่านช่องทางเลือก
ทั้งจากร้านค้าออนไลน์และร้านค้าปกติ และมีวิธีชำระเงินที่สะดวกปลอดภัย บริการจัดส่งสินค้าถึงที่พัก รวมทั้งความสามารถที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลและปรึกษาหารือกันระหว่างเพื่อนฝูงในชุมชนผ่านเครือข่ายสังคม
ทั้งหมดนี้ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่จะสร้างความพึงพอใจและสร้างคุณค่าให้แก่ผู้บริโภคเป็นอย่างมาก Digital Commerce อาศัยความใกล้ชิด
(intimacy) และการปฏิสัมพันธ์ (Interaction) ที่ไว้วางใจระหว่างกันผ่านระบบไอซีทีทั้งระบบมีสายและไร้สาย เป็นวิธีขับเคลื่อนให้เกิดการซื้อขายเพิ่มมากขึ้น
ความฉลาดของระบบซอฟต์แวร์บนมือถือกลายเป็นปัจจัยสำคัญของการแข่งขัน
7. By 2017, 70 percent of successful
digital business models will rely on deliberately unstable processes designed
to shift as customer needs shift.
ตามความเห็นของ Gartner
ธุรกิจดิจิทัลที่จะประสบความสำเร็จต้องสามารถปรับเปลี่ยนกระบวนการหรือวิธีทำงานและการบริการได้อย่างคล่องตัวตามความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป และยังตั้งข้อสังเกตว่าภายในปี 2017 ร้อยละ 70 ของธุรกิจดิจิทัลที่ประสบความสำเร็จจะมีคุณสมบัติและความสามารถตามที่กล่าว
และยังกล่าวว่าภายใน 12 เดือนข้างหน้า ร้อยละ 5 ของบริษัทระดับโลกจะเริ่มปรับปรุง Business processes ใหม่ให้มีความคล่องตัวสูงเพื่อใช้เป็นกลยุทธ์ของการแข่งขัน Gartner
ใช้คำว่า “Super-maneuverable” เพื่อบรรยายคุณสมบัติที่มีความยืดหยุ่นดังกล่าว
การแข่งขันภายใต้ Digital
Economy จะไม่เหมือนเดิม เพราะต้องอิงกับความต้องการ (Needs)
และคุณค่า (Value) ของผู้บริโภคเป็นหลัก ตามหลักคิดของวิทยาการบริการ (Service
Science) ความต้องการและคุณค่าของผู้บริโภคนั้นไม่แน่นอนและขึ้นอยู่กับบริบท
(Context) ของผู้บริโภคตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และเกิดขึ้นตามอารมณ์ (Emergent) เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ประกอบการ Digital
Business จึงต้องสามารถสร้างนวัตกรรมด้านรูปแบบธุรกิจ
และออกแบบกระบวนการธุรกิจ (Business processes) ที่มีความยืดหยุ่น
(Agility) เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค
อีกทั้งยังแข่งขันกับคู่แข่งด้วยการสร้างคุณค่าให้ลูกค้าได้ดีกว่า Gartner เลือกใช้คำว่า “Super-maneuverable” เพื่อสื่อความหมายดังกล่าว
ความสามารถในการปรับเปลี่ยนวิธีทำงานและให้บริการลูกค้าอย่างคล่องตัวตามสถานการณ์ยังเป็นหลักประกันว่าคู่แข่งจะไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ง่าย
ถึงทำได้ก็ต้องใช้เวลานานก่อนที่จะไล่ตามทัน นวัตกรรมบริการ (Service
Innovation) ในส่วนเกี่ยวกับ Business processes จึงเป็นการสร้างทักษะเพื่อการออกแบบกระบวนการ แบ่งเป็นสองระดับดังนี้
1)
ระดับที่
1 เป็นกระบวนการทำงานพื้นฐานที่โดยธรรมชาติของการทำงานนั้นมักจะไม่เปลี่ยนแปลงมาก
เรียกว่า Primitive business processes หรือ Core
business services ตัวอย่างเช่น งานบันทึกรายการขาย
การทำบัญชีต้นทุน การสั่งซื้อ การชำระเงิน ฯลฯ กระบวนการกลุ่มนี้ต้องออกแบบให้มีเสถียรภาพสูง
ส่วนใหญ่เป็นงาน Back office หรือส่วนงานที่เป็น Supporting
functions ตามกรอบรูปแบบ Value chain ของ Michael
Porter
2)
ระดับที่
2 เป็นกระบวนการทำงานที่ปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าและพันธมิตร
และเป็นกระบวนการที่พร้อมปรับเปลี่ยนตามบริบทของลูกค้า งานกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นงาน
Core functions ในกรอบ Value chain ด้วยความก้าวหน้าด้านซอฟต์แวร์
ทุกวันนี้เรามีเทคโนโลยีพร้อมรองรับการออกแบบกระบวนการให้มีความยืดหยุ่นได้ นอกจากความยืดหยุ่นแล้ว ยังทำให้คอมพิวเตอร์กลายเป็น
Smart machine ที่สามารถประสานการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขและการทำงานให้ทำได้โดยอัตโนมัติ กลุ่มเทคโนโลยีที่มารองรับงานระดับนี้คือ BPMN
(Business Process Models and Notations), Web API, และ RESTful
Web Services เป็นต้น
ภายใต้หัวข้อนี้ Gartner
ได้ตบท้ายด้วยข้อความว่า “…Deliberately unstable processes
will mandate a drastic shift in the ability of an enterprise and its people to
change in a more fluid manner. The ability to change faster will leverage the
concepts of organizational liquidity. This holistic approach, blending business
model, processes, technology and people will fuel digital business success.” ซึ่งแปลได้ความหมายโดยประมาณว่า “…ด้วยการออกแบบกระบวนการทำงานให้ง่ายต่อการปรับเปลี่ยนได้กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญสนับสนุนองค์กรและพนักงานให้มีความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีทำงานอย่างคล่องตัวตามความต้องการและแนวทางสร้างคุณค่าของผู้บริโภค
ความสามารถที่องค์กรปรับตัวเองอย่างยืดหยุ่นจนบริการลูกค้าอย่างประทับใจได้
รวมทั้งการผสมผสานระหว่างการออกแบบรูปแบบธุรกิจ (Business model) การออกแบบกระบวนการบริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม รวมทั้งการปรับปรุงวัฒนธรรมและค่านิยมการทำงานของพนักงานที่ให้มีจิตบริการได้
ทั้งหมดนี้จะนำไปสู่ผลสัมฤทธิ์ของธุรกิจดิจิทัล”
8. By 2017, 50 percent of consumer
product investments will be redirected to customer experience innovations.
ภายในสองหรือสามปีข้างหน้า คือประมาณปี 2017 คาดว่าร้อยละ 50 ของการลงทุนในกลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคจะเปลี่ยนไปลงทุนในด้านเกี่ยวกับนวัตกรรมที่จะสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า
หรือมองอีกมุมหนึ่ง สินค้าอุปโภคบริโภคจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างคุณค่าด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น
การบริการที่ดี การให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ รวมทั้งการจัดอำนวยความสะดวกสบายในการใช้บริการ
สิ่งเหล่านี้ต่างมีส่วนช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าได้ และเป็นปัจจัยสำคัญเพื่อการแข่งขันในยุค Digital
Economy
“Commoditization” เป็นคำที่ใช้สื่อสารให้เข้าใจว่ายุคจากนี้ไป
สินค้าประเภทอุปโภคบริโภคจะแข่งขันด้วยการตัดราคามากขึ้น แบรนด์ (Brand) จะมีคุณค่าน้อยลงในสายตาของผู้บริโภค เนื่องจากธุรกิจไม่ว่าขนาดใด
จากประเทศใด ต่างมีศักยภาพที่จะผลิตสินค้าอย่างมีคุณภาพด้วยต้นทุนที่ต่ำ อาศัยเครื่องจักรที่มีศักยภาพแบบเดียวกัน เรียนรู้วิธีบริหารจัดการการผลิตแบบ Mass
production ทำให้เกิด Economies of scales เท่าเทียมกัน
มีช่องทางและวิธีการตลาดที่เก่งพอ ๆ กัน การแข่งขันด้วยวิธีตัดราคากันจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
Commoditization เป็นปรากฏการณ์ของการแข่งขันธุรกิจที่ไม่ยั่งยืน
วิธีที่จะช่วยให้หลุดพันจากปัญหานี้คือหันมาแข่งขันกันด้วยการสร้างคุณค่า (Value
creation) และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า
เพราะเป็นวิธีที่สามารถรักษาฐานลูกค้าได้ยาวนานกว่า ถึงแม้ธุรกิจจะลงทุนวิจัยพัฒนาสินค้าชนิดใหม่ ๆ
เพื่อทำให้เกิดความได้เปรียบในการแข่งขันได้ แต่ในยุคของสื่อสังคมที่ข้อมูลกระจายในวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว
การเรียนรู้ด้วยกันเองในกลุ่มผู้บริโภคด้วยการแลกเปลี่ยนความรู้ข้อมูลและประสบการณ์ระหว่างกัน
ทำให้ความได้เปรียบจากนวัตกรรมผลิตสินค้าใหม่
ๆ นั้นได้ผลเพียงในระยะสั้น ๆ ก่อนที่คู่แข่งจะตามไล่ทัน
หรือผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมและหันไปหาสินค้าอื่นทดแทน คำแนะนำของ Gartner คือ “Customer
experience innovation remains the secret to lasting brand loyalty” ความสามารถในการสร้างนวัตกรรมเพื่อประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้ายังคงเป็นเครื่องมือสำคัญและเป็นความลับธุรกิจที่สำคัญที่จะสร้าง
Brand Loyalty ได้อย่างยั่งยืนกว่า
9. By 2017, nearly 20 percent of durable
goods e-tailers will use 3D printing (3DP) to create personalized product
offerings.
Durable
goods หมายถึงสินค้าประเภทที่มีอายุการใช้งานนาน
ๆ ไม่เสียง่าย เช่น ตู้เย็น เครื่องคั้นน้ำผลไม้ เครื่องเตาอบ เครื่องใช้ในครัวอื่น
ๆ ฯลฯ ส่วน e-tailers หรือ Electronic Retailers คือธุรกิจขายปลีกผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งก็คืออินเทอร์เน็ตนั่นเอง และ 3D Printer คือเครื่องพิมพ์แบบสามมิติที่สามารถพิมพ์จากต้นแบบอิเล็กทรอนิกส์โดยใช้สารหรือหมึกพิมพ์ที่พ่นออกจากหัวฉีดแล้วแข็งตัวได้เร็วจนจับตัวเป็นรูปแบบสามมิติตามต้นแบบ
Gartner ได้ประมาณว่า
ภายในปี 2017 ผู้จำหน่ายสินค้าประเภทของใช้ในครัวเรือนจะอาศัยเทคนิค
3D Printing สร้างสินค้าตามสั่งให้ลูกค้าได้ โดยจะมีส่วนแบ่งตลาดถึงประมาณร้อยละ
20
Gartner ให้ความเห็นว่า ภายในปีหน้า
กว่าร้อยละ 90 ของธุรกิจประเภทที่กล่าวจะเริ่มค้นหาพันธมิตรจากภายนอกที่มีทักษะผลิตสินค้า
“ตามสั่ง (Personalization)” หรือ “สั่งตัด (Customization)” โดยอาศัยเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งจะสนับสนุนทิศทางของ
Business model ที่เน้นการสร้างคุณค่าและความประทับใจให้ลูกค้า
เทคโนโลยี 3D
Printing เริ่มเข้ามามีบทบาทมากในอุตสาหกรรมการผลิตที่ต้องอาศัยต้นแบบเพื่อการผลิต
เช่นอุตสาหกรรมอะไหล่ยานยนต์ การบริการด้วยสินค้าตามสั่งก็จะเป็นธุรกิจสำคัญอีกประเภทหนึ่งของ
3D Printing การบริการสินค้าตามสั่งเป็นลักษณะการทำงานแบบ
Co-creation ระหว่างผู้ให้บริการกับผู้รับบริการ ในกรณีนี้ความคิดของผู้บริโภคได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของสินค้า
ซึ่ง เป็นการเปลี่ยนแนวคิดการทำธุรกิจจากเน้นการขายสินค้าที่ผู้ผลิตผลิตขึ้นเองเพียงอย่างเดียว
(Goods dominant) มาเป็นเน้นให้บริการที่สร้างคุณค่าร่วมกัน (Service
dominant) จึงเห็นได้ว่าธุรกิจในศตวรรษที่ 21 ไม่ได้คำนึงว่าท่านจะอยู่ในธุรกิจประเภทใด
เป็นธุรกิจอุตสาหกรรม การเกษตร หรือการบริการ ต่างต้องให้ความสำคัญกับยุทธศาสตร์ที่สร้างคุณค่า
(Value) และสร้างประสบการณ์ที่ดี (Customer
experience) ให้ลูกค้า
การสร้างสินค้าและบริการให้เกิดคุณค่าตามบริบทต่าง ๆ ของลูกค้า (Value
in-context) จึงเป็นพัฒนาการรูปแบบธุรกิจ (Business model
development) ใหม่ที่สำคัญของระบบเศรษฐกิจที่เรียกว่า Digital
Economy
10. By 2020, retail businesses that
utilize targeted messaging in combination with internal positioning systems
(IPS) will see a five percent increase in sales.
Targeted Messaging คือการส่งข้อความที่กำหนดเป้าหมาย เป็นวิธีการตลาดที่เริ่มนิยมใช้กันในยุคของ Digital
Economy เป็นการตลาดที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิผล เป้าหมายอาจเป็น Market segment ชนิดธุรกิจ ตำแหน่งหน้าที่ และอื่น ๆ
Targeted Messaging เป็นเทคนิคการตลาดสำคัญที่สนับสนุนธุรกิจที่เน้นสร้างคุณค่าและประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า
เป็นวิธีสร้างความสัมพันธ์ที่ดีด้วยการให้ข้อมูลและข่าวสารที่ตรงเป้า ตรงประเด็น
และเป็นวิธีสร้างความใกล้ชิดเพื่อเรียนรู้ความต้องการของลูกค้าล่วงหน้าเพื่อจะได้สร้างข้อเสนอ
(Offering) ให้ลูกค้าได้อย่างเหมาะสมต่อไป
Internal positioning systems (IPS) ระบบระบุตำแหน่งภายในอาคาร เป็นระบบที่ใช้เทคโนโลยีเช่น Blue tooth และ Wifi เพื่อระบุตำแหน่งของสิ่งของหรือตัวบุคคลภายในอาคาร
ณ ขณะใดขณะหนึ่ง ในร้านสรรพสินค้าที่มีผู้คนเดินเข้าเดินออกจำนวนมาก ระบบ IPS
รวมทั้งเทคโนโลยี Facial recognition จะช่วยให้เจ้าของธุรกิจมีข้อมูลเกี่ยวกับสภาพการจราจรของกลุ่มคนที่เข้ามาชมและซื้อสินค้าในแต่ละชั้นของอาคาร
และในแต่ละส่วนของการวางแสดงสินค้า สามารถวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวของผู้คนในแต่ละเวลา
สามารถคำนวณสถิติว่าเป็นลูกค้าประเภทชายหรือหญิง และกลุ่มอายุได้
ข้อมูลลักษณะนี้ถูกนำไปวางแผนธุรกิจและการตลาดได้อย่างดี
เน้นที่การสร้างคุณค่าและประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าเป็นสำคัญ
Gartner ได้ประมาณว่าภายในปี 2020 ธุรกิจค้าปลีกที่นำเทคโนโลยีเช่น Targeted messaging และ Internal Positioning System (IPS) มาช่วยจัดการจำหน่ายสินค้าจะช่วยเพิ่มยอดขายได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ
5 แต่ในระยะแรก
คือเริ่มจากปีหน้าเป็นต้นไป ร้านค้าขายปลีกจะเริ่มใช้กลยุทธ์เชิญชวนลูกค้ากลุ่มเป้าหมายให้ซื้อสินค้าเพิ่มด้วยข้อเสนอพิเศษจากข้อมูลปัจจุบันของลูกค้าที่เก็บได้ในขณะเยี่ยมชมสินค้าตามจุดต่าง
ๆ เช่นลูกค้าที่ซื้อสินค้าประเภทเครื่องแต่งกายเด็ก
รวมกับของเล่นเด็กจะได้รับรหัส QR พิมพ์บนใบเสร็จรับเงิน เมื่อลูกค้าอ่านรหัส QR ด้วยโทรศัพท์มือถือจะได้รับข้อเสนอพิเศษ
เพื่อซื้อสินค้าเพิ่มเติมโดยมีส่วนลดพิเศษ หรือเสนอของแถมพิเศษเป็นต้น
ตัวอย่างที่กล่าวมาข้างต้นเป็นรูปแบบหนึ่งของการตลาดแบบดิจิทัล
(Digital Marketing) ที่กำลังเปลี่ยนแนวคิดของการตลาด
จาก Market mix 4Ps แบบเดิมประกอบด้วย Product,
Price, Place, Promotion เพิ่มเป็น Market mix 7Ps และ 8Ps โดยให้ความสำคัญกับการสร้างคุณค่าให้ลูกค้า ในบริบทของ
Digital Business นั้น Ps ที่เพิ่มขึ้นใน
Market mix ประกอบด้วย People คือพนักงานทุกระดับในองค์กรที่ต้องปรับให้มีจิตบริการอย่างมีคุณภาพ
รวมทั้งลูกค้าที่มีบทบาทในการทำ Co-creation.
Process หรือวิธีให้บริการที่กระชับ รวดเร็ว
และมีประสิทธิภาพทำให้เกิดความประทับใจ Physical
Evidence คือสภาพแวดล้อมของร้านค้า
รวมทั้งระบบไอทีที่อำนวยความสะดวกในทุก ๆ ด้าน และสุดท้ายคือ Productivity
and quality ในบริบทของการค้าปลีก P ตัวที่ 8
ต้องการเน้นความสามารถสร้างคุณค่า “Offering your customer a
good deal” ทั้งหมดนี้จำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจและทักษะการประยุกต์เทคโนโลยีสมัยใหม่ดังกล่าวเช่น
Mobile advertising และ
Advanced analytics ด้วยเทคนิคของ Targeted messaging
และ Internal Positioning System ธุรกิจจะสามารถสร้างความแตกต่างล้ำหน้ากว่าคู่แข่ง และเป็นกลยุทธ์ที่ต้องการหลีกเลี่ยงจากอาการของ
Commoditization Syndrome โดยหันมาแข่งขันด้วยกลยุทธ์ของ Value
creation แทน
จึงเห็นได้ว่า Gartner’s Top 10 Strategic Technology Trends for 2015 สามารถชี้แนวคิดการใช้ไอซีทีในยุคจากนี้เป็นต้นไปได้อย่างชัดเจน ตรงกับความเข้าใจที่พวกเราส่วนใหญ่ได้รับรู้กันมาบ้างแล้ว แนวโน้มการใช้ไอซีทีตามที่นำเสนอมา
เป็นรูปแบบการพัฒนาธุรกิจแนวใหม่บนพื้นฐานของนวัตกรรมบริการที่ใช้ไอซีที
โดยยึดหลักการสร้างคุณค่าและประโยชน์
รวมทั้งสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้บริโภค
เป็นวิธีสำคัญวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ระบบเศรษฐกิจของเราหลุดพ้นจากอาการของ Commoditization
Syndrome ได้